Key Highlight หมดไฟในการทำงาน วิธีแก้อย่างหนึ่งคือการเปลี่ยนบรรยากาศ ลาพักร้อน ออกไปเที่ยวสถานที่ใหม่ ๆ ช่วงวันเสาร์อาทิตย์ หมดไฟในการทำงาน วิธีแก้ไขที่สำคัญที่สุดเลยก็คือการแบ่งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนให้เหมาะสม หากรู้สึกหมดไฟ การออกกำลังกายจะช่วยให้
โรคเครียดสะสม ภัยเงียบอันตรายที่มักจะมาโดยไม่รู้ตัว
ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน ต้องพบเจอสถานการณ์หลากหลายรูปแบบ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้ได้รับแรงกดดัน จนเกิดเป็นความเครียดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในแต่ละกรณีก็อาจจะมีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไป แต่หากเป็นความกดดันที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ และไม่สามารถสลัดความกังวลออกไปได้จนมีอาการเครียดไม่รู้ตัวเป็นระยะเวลานาน อาจกลายเป็นโรคเครียดสะสมที่ก่อให้เกิดภาวะอื่น ๆ ตามมาได้
หากสงสัยว่าตัวเรากำลังมีความเครียดสะสมอยู่หรือไม่ มีอาการอะไรเข้าข่ายที่จะเป็นโรคนี้บ้าง มีวิธีรักษาโรคเครียดสะสมอย่างไร บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจและรู้จักกับโรคเครียดสะสมว่ามีสาเหตุมาจากอะไร อาการของคนเครียดสะสมเป็นยังไง และจะสามารถรักษาได้อย่างไร มาเช็กดูกันเลย
ทำความรู้จักกับโรคเครียดสะสม
โรคเครียดสะสม (Adjustment Disorder) เป็นโรคทางอารมณ์ที่เกิดจากการได้รับความกดดันจากสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการเรียน, การงาน, การเงิน, ในครอบครัว, เพื่อน, คนรัก, ความผิดหวังในเรื่องต่าง ๆ จนเกิดเป็นความเครียด ความเครียดอาจแสดงออกเป็นความวิตกกังวล ความเศร้า คิดวนเวียนกับเรื่องเดิมซ้ำ ๆ สลัดความเครียดออกไปไม่ได้ ความสามารถในการคิดและตัดสินใจแย่ลง จนนับไปสู่การดำเนินชีวิตที่ผิดปกติ เรียนหรือทำงานได้แย่ลง รวมทั้งบางครั้งอาจมีอาการทางกาย มีปัญหาสุขภาพบ่อยครั้งทั้งที่ปกติเป็นคนแข็งแรง
นอกจากความเครียดจากภายนอก พฤติกรรมและทัศนคติของตนเองอาจส่งผลให้เกิดเป็นความเครียดสะสมได้ เช่น การกดดันตนเอง โดยที่ครอบครัวหรือคนรอบตัวอาจไม่ได้กดดันเลย มีความคาดหวังในตัวเองสูง มีบุคลิกแบบเพอร์เฟคชันนิสต์ หรือบุคลิกสมบูรณ์แบบโดยไม่ยืดหยุ่น สามารถทำให้ย้ำคิดย้ำทำในเรื่องที่กำลังทำซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นภาวะเครียดสะสมที่ไม่สามารถทำให้ไปถึงจุดที่ตัวเองพอใจได้
ซึ่งโรคเครียดสะสมนี้สามารถนำไปสู่โรคที่มีภาวะทางอารมณ์อื่น ๆ รวมถึงโรคทางร่างกายได้ หากอาการรุนแรงก็จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อตนเอง และคนรอบข้างตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้าง ดังนั้น หากเริ่มมีอาการเครียดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ควรสำรวจตัวเอง หรือปรึกษาแพทย์ว่ากำลังเข้าข่ายที่จะมีภาวะเครียดสะสมหรือไม่
สัญญาณที่กำลังบอกว่าคุณเป็นโรคเครียดสะสม มีอะไรบ้าง
หากกำลังเริ่มสังเกตตัวเองว่ามีความเครียดสะสมจนมากเกินกว่าปกติ ซึ่งอาการเหล่านั้นอาจกลายเป็นโรคเครียดไม่รู้ตัวได้ ดังนั้นในหัวข้อนี้ Bedee แนะนำให้คุณสังเกตตนเองว่ามีอาการซึ่งเป็นสัญญาณของโรคเครียดสะสมเหล่านี้หรือไม่
พฤติกรรมเปลี่ยนไป
เมื่อเกิดอาการเครียดสะสม พฤติกรรมที่แสดงออกผ่านอารมณ์ก็จะเปลี่ยนไป เช่น ปกติเป็นคนร่าเริง สดใส มองโลกในแง่ดี อาจกลายเป็นคนนิ่ง เงียบ ไม่พูด ทั้งที่อาจจะไม่ได้มีเรื่องกระทบจิตใจในวันนั้น ๆ มีอาการเบื่อง่าย ขี้กังวลมากกว่าเดิม ความต้องการทางเพศลดลง เหม่อลอย มักจะแสดงสีหน้าเศร้า หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน บางคนอาจมีอาการดึงผมตัวเอง กัดเล็บ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะทำโดยที่ไม่รู้ตัว
ในกรณีของคนที่ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ ก็อาจจะดื่มและสูบบุหรี่มากขึ้น หากไม่รีบแก้ไขอาจทำให้เกิดอาการติดสุรา และสูบบุหรี่เรื้อรังจนเลิกได้ยากขึ้น
พฤติกรรมการนอนไม่เหมือนเดิม
ลองสังเกตตัวเองว่านอนหลับยากขึ้น มีอาการนอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไปหรือไม่ รวมถึงการตื่นนอนกลางดึกบ่อย ๆ หรือตื่นเร็วกว่าปกติ ซึ่งนอกจากปัญหาเหล่านี้จะเป็นอาการความเครียดสะสมแล้ว ยังเป็นปัญหาที่นำไปสู่โรคนอนไม่หลับที่จะส่งผลต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ภูมิคุ้มกันต่ำ, การเจ็บป่วยง่ายขึ้น เป็นต้น
ความเครียดเริ่มส่งผลต่อร่างกาย
เมื่อเครียดสะสมมาก ๆ สามารถส่งผลต่อร่างกายได้เช่นกัน เนื่องจากความเครียดมีความเกี่ยวข้องกับระบบประสาทและฮอร์โมน ดังนั้นระบบต่าง ๆ ในร่างกายซึ่งถูกควบคุมโดยระบบประสาทอัตโนมัติก็จะได้รับผลกระทบ แสดงออกมาเป็นอาการเช่น การหายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม หรือหายใจถี่ขึ้น หัวใจเต้นเร็ว ปวดหัว ในบางคนอาจปวดหัวเรื้อรัง สมองล้า สายตาเบลอ
นอกจากนี้ความเครียดอาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งจนทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดคอบ่าหลัง มีปัญหาลำไส้หดเกร็ง ปวดท้อง ท้องร่วงหรือท้องผูกบ่อยกว่าปกติ และอาเจียน รวมถึงการกินที่มากกว่าปกติ หรือเบื่ออาหาร ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว
ความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ ลดลง
ความเครียดนั้นส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาท ดังนั้นนอกจากจะแสดงออกในด้านพฤติกรรมทางร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อความสามารถในการทำงานหรือการตัดสินใจด้วย เช่น ทำงานช้าลง, ความสามารถในการตัดสินใจรับมือ การแก้ปัญหาลดลงจนส่งผลให้ทำงานผิดพลาด, ขี้ลืม, ไม่มีแรงบันดาลใจ, ไม่มีสมาธิ หรือจับจุดโฟกัสได้ยาก
เริ่มคิดถึงเรื่องความตาย
อาการเครียดสะสมนั้นจะเต็มไปด้วยความกังวล ความคิดในแง่ลบมากมาย จนอาจส่งผลให้มีการคิดถึงเรื่องความตาย ซึ่งนำไปสู่อาการซึมเศร้าเรื้อรังได้
หากพบว่าตัวเองมีอาการดังนี้ต่อเนื่อง หรือเป็น ๆ หาย ๆ เป็นระยะเวลานาน ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ทันที เพราะยิ่งรู้ตัวเร็วยิ่งเป็นผลดีต่อตนเองและป้องกันโรคอื่น ๆ ตามมาด้วย
ทำแบบประเมินความเครียดกับพยาบาลที่แอป BeDee ไม่มีค่าใช้จ่าย
เครียดสะสมนำไปสู่โรคอะไรได้บ้าง
โรคเครียดสะสมเป็นภาวะทางอารมณ์ซึ่งมีอาการที่คล้ายกัน การที่เราเครียดสะสมเป็นระยะเวลานานจึงสามารถนำไปสู่โรคอื่น ๆ ทางอารมณ์ได้ รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ และอาการเจ็บปวดทางร่างกายก็จะส่งผลให้เกิดโรคทางกายเพิ่มเติมได้เช่นกัน ซึ่งในบางโรคอาจส่งผลในระยะยาว จนถึงอันตรายต่อชีวิตได้
โรคทางอารมณ์ที่อาจเกิดจากอาการเครียดสะสม
- โรควิตกกังวล(Anxiety Disorder)
- โรคแพนิค (Panic Disorder)
- โรคกลัว (Phobia) เช่น กลัวการเข้าสังคม (Social Phobia)
- โรคซึมเศร้า (Depression)
โรคทางกายที่อาจเกี่ยวข้องกับอาการเครียดสะสม
- โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคเครียดลงกระเพาะ (Nervous stomach)
- โรคหัวใจ (Heart Disease)
- โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
- โรคไมเกรน (Migraine)
- โรคมะเร็ง (Cancer)
- โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)
- หลอดเลือดหัวใจตีบ (Angina Pectoris)
- กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Ischemic Cardiomyopathy)
- โรคอ้วน (Obesity)
- โรคเบาหวาน (Diabetes)
โรคทางกายเหล่านี้อาจเกิดขึ้นผ่านกระบวนการที่ความเครียด หรือการเพิ่มขึ้นของสารความเครียด ทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันต่ำลง เปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในร่างกาย หรือการกินที่ไม่เหมาะสม การเผาผลาญและการหลั่งกรดเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ความเครียดอาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมแก้เครียด เช่น ดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ ซึ่งสัมพันธ์กับโรคได้หลายโรค
วิธีรักษาโรคเครียดสะสม
โรคเครียดสะสมนั้นสามารถรักษาได้ หากพบว่าตัวเองมีอาการเข้าข่ายโรคเครียดสะสม แนะนำว่าควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแนวทางการรักษา โดยวิธีรักษาโรคเครียดสะสมมีดังนี้
ยา
ยาที่ใช้รักษาโรคเครียดสะสมนั้น จะแบ่งไปตามการวินิจฉัยอาการของผู้ป่วย เช่น ยาลดความวิตกกังวล ยาต้านเศร้า ยานอนหลับสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการนอนหลับ และในกรณีของผู้ป่วยที่มีอาการทางร่างกายด้วย แพทย์อาจใช้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดกรดในกระเพาะ, ยาความดันโลหิต, ยาคลายกล้ามเนื้อ, ยารักษาความแปรปรวนในทางเดินอาหาร เป็นต้น
แต่การใช้ยารักษานั้นเป็นการรักษาด้วยปลายเหตุ จะใช้ในกรณีอาการรุนแรงที่เริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน โดยการใช้ยาจะต้องควบคู่กับการรักษาโดยจิตบำบัดเพื่อให้การรักษาสามารถแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้ด้วย
จิตบำบัดกับจิตแพทย์
การปรึกษาจิตแพทย์เป็นหนึ่งในวิธีรักษาอาการเครียดสะสม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในปัจจุบันที่เราจะเข้ารับการปรึกษากับจิตแพทย์ เพราะผู้ป่วยจะได้พูดคุย ระบาย ผู้ป่วยจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อมีคนรับฟังปัญหาและช่วยหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เจอไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่อาการค่อนข้างรุนแรงและมีโรคซึมเศร้าแทรกซ้อนด้วย อาจจะใช้การกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้ากระแสตรงอย่างอ่อน เพื่อให้การหลั่งของสารสื่อประสาทในสมองทำงานปกติ
ปรึกษาการรักษาโรคเครียดสะสมกับจิตแพทย์และนักจิตวิทยาที่แอป BeDee สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องลางาน เป็นส่วนตัว
เมื่อเครียดสะสมควรดูแลตัวเองอย่างไร
เมื่อมีภาวะเครียดสะสม นอกจากการรักษากับแพทย์โดยตรงแล้ว สิ่งที่สำคัญคือตัวผู้ป่วยต้องพยายามดูแลตัวเอง ทั้งด้านความคิด จิตใจ และร่างกาย เนื่องจากโรคเครียดสะสมนั้นเป็นโรคที่เกิดจากอารมณ์ซึ่งเราอาจพบเจอจากสิ่งกระตุ้นที่ไม่ดีรอบตัว หรือตัวเราเองก็ได้เช่นกัน ดังนั้นเราควรดูแล และให้เวลากับตัวเองสักเล็กน้อยเพื่อเริ่มทำตามวิธีจัดการความเครียดดังนี้
- พยายามคิดบวกอยู่เสมอ
- เมื่อเกิดความเครียด ให้พยายามนึกถึงสาเหตุของปัญหา และค่อย ๆ แก้ไขปัญหานั้นโดยไม่กดดันตัวเอง
- ฟังเพลงที่ชอบเพื่อผ่อนคลาย ให้เวลาตัวเองทำงานอดิเรก ดูหนัง ออกกำลังกาย
- ให้อภัยตัวเอง ผิดพลาดบ้างเล็กน้อยได้ไม่เป็นไร
- จัดบรรยากาศรอบตัวใหม่ เช่น เปลี่ยนมุมโต๊ะทำงาน จัดบ้าน การจัดแจงสิ่งใหม่ ๆ นั้นนอกจากจะคลายเครียดได้แล้ว ยังสามารถลดอาการเบื่อและความจำเจที่ต้องเจอทุกวัน
- ออกไปท่องเที่ยวผ่อนคลาย เดินเล่นสวนสาธารณะ ไปคาเฟ่สวย ๆ
- แบ่งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนให้ชัดเจน (Work Life Balance)
- ไปพบปะเพื่อนฝูง หรือใช้เวลากับครอบครัว
- พยายามไม่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
- หากมีสัตว์เลี้ยง ลองใช้เวลากับสัตว์เลี้ยง หรือทำอาหารที่มีประโยชน์ต่อสัตว์ นอกจากจะเพลิดเพลินแล้ว เวลาที่เห็นสัตว์เลี้ยงกินอาหารที่เราทำก็จะรู้สึกมีความสุขด้วย
- สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ควรลดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มและสูบ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคเครียดสะสม
1. เครียดสะสมสามารถนำไปสู่การเป็นซึมเศร้าได้หรือไม่?
อาการเครียดสะสมสามารถนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ เนื่องจากทั้งสองโรคนี้มีภาวะทางอารมณ์ที่เหมือนกันคือ ความคิดลบ ความเครียดซ้ำไปซ้ำมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา หรือการบำบัดที่ถูกต้องก็สามารถเป็นโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน
2. ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นโรคเครียดสะสม?
โรคเครียดสะสมสามารถเกิดได้ตั้งแต่วัยเรียนจนไปถึงวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะวัยทำงาน ซึ่งจะมีปัจจัยความเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง ดังนี้
- ผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัวเพียงคนเดียว
- ผู้ประสบปัญหาทางการเงิน
- ผู้ที่มีความกดดันสูงในด้านการเรียนจากครอบครัว
- ผู้ที่มีบุคลิกต้องการความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) แบบไม่ยืดหยุ่น
- ผู้ที่มีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับครอบครัว คนรัก
3. อาการเครียดสะสมแบบใดที่ควรไปพบแพทย์?
หากเริ่มมีอาการเครียดที่ไม่สามารถควบคุมได้ และมักจะเครียดซ้ำ ๆ สะสมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน รู้สึกไม่มีความสุข เริ่มมีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน มีปัญหากับคนรอบข้างและการทำงาน รู้สึกหาทางออกไม่ได้ อาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาถึงแนวทางการรักษา
4. เครียดแล้วนอนไม่หลับทำอย่างไรดี?
เมื่อเครียดจนนอนไม่หลับ อาจลองใช้วิธีธรรมชาติ เช่น การดื่มนมอุ่น หรือกล้วยหอมก่อนนอน เนื่องจากในนมและกล้วยหอมมีกรดอะมิโนทริปโตเฟน (Tryptophan) ที่เปลี่ยนไปเป็นสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งช่วยในการทำให้ผ่อนคลาย ช่วยคลายเครียด และยังช่วยให้การนอนหลับเป็นปกติ
หรืออาจจะใช้การฟังเพลงเบา ๆ ผ่อนคลายสมอง จัดห้องให้แสงเข้าน้อยและมืดมากที่สุด ปรับอุณหภูมิให้เย็นพอดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ก็จะช่วยในการนอนหลับได้
ที่สำคัญไม่ควรฝืนข่มตาหลับ หากนอนไม่หลับจริง ๆ ให้ลุกขึ้นมาเดินยืดเส้นยืดสาย อ่านหนังสือ วาดรูป ใช้การหายใจช่วยให้รู้สึกง่วง แล้วค่อยกลับไปนอนได้เช่นกัน
สรุปโรคเครียดสะสม ภัยเงียบทางอารมณ์ ยิ่งรู้ตัวเร็วยิ่งดี
โรคเครียดสะสมนั้นมักจะเกิดได้โดยที่ไม่รู้ตัว ด้วยยุคปัจจุบันที่การแข่งขันสูง ความกดดันมีมากมายหลายทาง ส่งผลให้เกิดภาวะทางอารมณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากมีอาการเครียดสะสมและปล่อยทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน อาจนำไปสู่โรคอื่น ๆ อีกมากมายที่เกิดจากความเครียดนี้ รวมถึงความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัว คนรอบข้างอาจหายไปได้
เมื่อมีอาการเครียดและส่งผลต่อปัญหาทางพฤติกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะนอนไม่หลับ กินมากหรือน้อยเกินไป เบื่ออาหาร ความสามารถในการทำงานลดลง ควรที่จะลองปรึกษาแพทย์เพื่อที่จะตรวจสอบว่าเข้าข่ายโรคเครียดสะสมหรือไม่ เพราะยิ่งรู้ตัวเร็วเท่าไหร่ก็จะรักษาได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น
แต่สิ่งที่สำคัญในการเอาชนะความเครียดเพื่อที่จะไม่นำไปสู่โรคเครียดสะสมนั้น คือการพยายามมองโลกในแง่บวก วิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาที่ทำให้เกิดความเครียด ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป พยายามไม่เปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ไม่โทษตัวเองหากทำผิดพลาด เพราะไม่ว่าปัญหาจะใหญ่หรือจะเล็กนั้นมีทางออกเสมอ พยายามมีสติและคิดหาวิธีรับมือ มีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน ดูสื่อตลกคลายเครียด สนุกไปกับงานอดิเรกหรือลองหาอะไรใหม่ ๆ ท้าทายตัวเอง
ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เรามีจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก และเภสัชกรพร้อมให้คำปรึกษาและจัดส่งสินค้าถึงมือ เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS
Content powered by BeDee Expert
พญ.พันตรี เกิดโชค
จิตแพทย์
Mayo Clinic Staff. (2023, July 06). Adjustment Disorders – Symptoms and Causes. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/adjustment-disorders/symptoms-causes/syc-20355224#:~:text=Adjustment%20disorders%20are%20excessive%20reactions,as%20at%20work%20or%20school.
Adjustment Disorders. (2023, December 14). Johns Hopkins Medicine. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/adjustment-disorders
Fred K. Berger, (2022, April 30). Adjustment Disorder. MedlinePlus. https://medlineplus.gov/ency/article/000932.htm