Key Takeaways ตกขาวมีกลิ่นเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราในช่องคลอด ตกขาวมีกลิ่นอาจเกิดร่วมกับอาการคันช่องคลอด เจ็บ แสบขณะมีเพศสัมพันธ์ หากพบอาการตกขาวมีกลิ่นควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน สารบัญบทความ ตกขาวมีกลิ่น คืออะไร เกิดจากสาเหตุใด? ในสภาวะป
รวมเรื่องยาคุมคืออะไร มีกี่แบบ ออกฤทธิ์อย่างไร วิธีกินยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง
Key Takeaways
- ยาคุมกำเนิดใช้เพื่อลดโอกาสในการตั้งครรภ์
- การทานยาคุมไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ควรใช้ถุงอนามัยร่วมด้วย
- อาการที่พบได้บ่อยจากการทานยาคุม เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ น้ำหนักตัวเพิ่ม อารมณ์แปรปรวน หรือมีเลือดออกกระปริบกระปรอย
Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง
ยาคุมคืออะไร
ยาคุมกำเนิด (Birth Control Pills) หรือที่เรามักเรียกสั้น ๆ ว่า “ยาคุม” คือ ยาที่ใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ หรือใช้เพื่อป้องกันการท้องในวัยเรียน ยาคุมมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมซึ่งมีส่วนผสมทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว และยาคุมฉุกเฉิน นอกจากใช้คุมกำเนิดป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยาคุมยังสามารถใช้รักษาโรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น ช่วยปรับรอบเดือนให้เป็นปกติ ลดอาการปวดท้องเมนส์ และใช้รักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
ยาคุมกินยังไง? วิธีกินยาคุมครั้งแรกควรกินอย่างไรดี? ปรึกษาเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวันถึงเที่ยงคืน ไม่มีค่าปรึกษา!
หลักการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดทำงานอย่างไร
ยาคุมช่วยอะไร ? หลักการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดแบ่งเป็นหลายวิธี โดยหลักแล้วการทำงานของยาคุมกำเนิดมีดังนี้
1. ยับยั้งการตกไข่
ฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะยับยั้งการหลั่งของฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นการตกไข่จากต่อมใต้สมอง (FSH และ LH) เมื่อไม่มีการตกไข่ ก็จะไม่มีไข่ที่พร้อมจะถูกผสมกับอสุจิ ทำให้ไม่มีการตั้งครรภ์
2. เปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในยาคุมกำเนิดจะทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ทำให้ไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว ทำให้ตัวอ่อนที่อาจเกิดขึ้นไม่สามารถเจริญเติบโตได้
3. เพิ่มความหนาของมูกที่ปากมดลูก
ฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นขึ้น ทำให้อสุจิเข้าสู่มดลูกได้ยากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้อสุจิเคลื่อนที่ได้ช้าลงและมีโอกาสน้อยที่จะเข้าถึงไข่ได้
4. ยับยั้งการเจริญเติบโตของไข่
ฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดอาจยับยั้งการเจริญเติบโตของไข่ในรังไข่ ทำให้ไม่มีไข่ที่พร้อมสำหรับการผสม
ยาคุมกำเนิดใช้หลักการหลายอย่างร่วมกันเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ได้แก่ การยับยั้งการตกไข่ การเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูก การเพิ่มความหนาของมูกที่ปากมดลูก และการยับยั้งการเจริญเติบโตของไข่ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ
ยาคุมมีกี่ประเภท
ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดมีหลายประเภทซึ่งสามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะการใช้งานและส่วนประกอบของฮอร์โมนหลัก ๆ ดังนี้
1. ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Pill)
ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ทานวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันทุกวัน มีทั้งแบบ 21 วัน (หยุดทาน 7 วัน) และ 28 วัน (ไม่มีการหยุดทาน)
2. ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progesterone Pill)
ยาคุมชนิดฮอร์โมนเดี่ยวประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ทานวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันทุกวัน ไม่มีช่วงหยุดทานเหมือนยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากับฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น คุณแม่ให้นมบุตร
3. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อมีการร่วมเพศโดยไม่มีการป้องกันหรือใช้สำหรับผู้ที่ถูกข่มขืน ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ถุงยางอนามัยหลุด ถุงยางอนามัยฉีกขาด ลืมกินยาคุมกำเนิดแบบประจำ หรือไม่ได้ฉีดยาคุมหรือฝังยาคุมตามกำหนดการ
สำหรับยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด ควรกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันให้เร็วที่สุด ภายในเวลา 72 ชั่วโมง และสำหรับยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด ควรกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด (เม็ดแรก) หลังจากมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันให้เร็วที่สุด ซึ่งควรกินภายในเวลา 72 ชั่วโมง หลังจากนั้น ให้กินยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่ 2 ภายใน 12 ชั่วโมงถัดจากเม็ดแรก หรือกินพร้อมกัน 2 เม็ดในครั้งเดียวก็ได้
ยาคุมแบบ 21 เม็ด VS แบบ 28 เม็ด ต่างกันอย่างไร กินแบบไหนดีกว่า
ยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ดและชนิด 28 เม็ดมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันดังนี้
- ยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ด
หลายคนอาจเกิดคำถามว่ายาคุม 21 เม็ดควรเริ่มกินตอนไหน ยาคุมกำเนิดชนิด 21 เม็ดประกอบด้วยฮอร์โมนฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ควรทานวันละ 1 เม็ดทุกวันในเวลาเดียวกันต่อเนื่องกันเป็นเวลา 21 วัน แล้วหยุดทานยาเป็นเวลา 7 วัน ซึ่งในช่วง 7 วันนี้จะมีประจำเดือน หลังจากนั้นเริ่มทานแผงใหม่
- ยาคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ด
ยาคุมประเภทนี้ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจำนวน 21 เม็ด และเม็ดแป้งหรือเม็ดหลอกจำนวน 7 เม็ด วิธีกินยาคุม 28 เม็ดคือให้ทานยาวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันทุกวันต่อเนื่องกันเป็นเวลา 28 วัน แล้วเริ่มแผงใหม่ทันทีโดยไม่ต้องหยุดทานยา ข้อดีของยาคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ดคือช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องนับวันหยุด ทำให้จดจำได้ง่ายว่าเมื่อไรต้องเริ่มแผงใหม่
การเลือกใช้ยาคุมรายเดือนชนิดใดดีกว่ากันนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม
วิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกต้องทำอย่างไร
การรับประทานยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น วิธีกินยาคุมอย่างถูกต้องมีดังนี้
- ยาคุมชนิด 21 เม็ด ให้เริ่มรับประทานเม็ดแรกในวันที่ 1 ของรอบเดือน (วันแรกที่มีประจำเดือนมา) และรับประทานต่อเนื่องทุกวันจนหมดแผง จากนั้นเว้น 7 วันแล้วเริ่มทานแผงใหม่
- ยาคุมชนิด 28 เม็ด ให้เริ่มรับประทานเม็ดแรกในวันที่ 1 ของรอบเดือน และรับประทานทุกวันตามลำดับจนครบ 28 วัน แล้วเริ่มแผงใหม่
- ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายให้คงที่
- หากลืมรับประทานยา 1 เม็ด ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ และรับประทานเม็ดถัดไปตามปกติ
วิธีรับมือเมื่อลืมทานยาคุมควรทำอย่างไร
ยาคุมชนิด 21 เม็ด
- ลืมทาน 1 เม็ดหรือลืมกินยาคุม 1 วัน ให้ทานยาคุมเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ แล้วทานเม็ดถัดไปตามปกติโดยไม่ต้องใช้วิธีป้องกันเพิ่มเติม (ในวันนั้นจะทานยารวมเป็น 2 เม็ด)
- ลืมทาน 2 เม็ดหรือมากกว่า หากลืมกินยาคุม 2 วัน ให้ทิ้งเม็ดก่อนหน้าและทานเม็ดล่าสุดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และทานเม็ดถัดไปตามปกติ (ในวันนั้นจะทานยารวมเป็น 2 เม็ด) แต่ควรใช้วิธีป้องกันอื่น ๆ เช่น ถุงยางอนามัย ควบคู่ไปด้วยเป็นเวลา 7 วัน
และให้พิจารณาเพิ่มเติมดังนี้ หากลืมทานยาคุมในช่วงสัปดาห์แรกของการเริ่มแผงยา (เม็ดที่ 1-7) และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ให้ทานยาคุมฉุกเฉินร่วมด้วย หากลืมทานยาคุมในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของแผงยา (เม็ดที่ 15 – 21) หลังทานยาคุมเม็ดที่ 21 ครบแล้วไม่ต้องมี ช่วงเว้นทานยา 7 วัน ให้เริ่มทานยาคุมแผงใหม่ได้ทันทีหลังทานเม็ดที่ 21
ยาคุมชนิด 28 เม็ด (แผง 28 เม็ด)
- ลืมทาน 1 เม็ด (เม็ดฮอร์โมน) ให้ทานเม็ดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และทานเม็ดถัดไปตามปกติ (ในวันนั้นจะทานยารวมเป็น 2 เม็ด)
- ลืมทาน 2 เม็ดหรือมากกว่า (เม็ดฮอร์โมน) ให้ทิ้งเม็ดก่อนหน้าและให้ทานเม็ดล่าสุดที่ลืมทันทีที่นึกได้ และทานเม็ดถัดไปตามปกติ (ในวันนั้นจะทานยารวมเป็น 2 เม็ด) แต่ควรใช้วิธีป้องกันอื่น ๆ เช่น ถุงยางอนามัย ควบคู่ไปด้วยเป็นเวลา 7 วัน
และให้พิจารณาเพิ่มเติมดังนี้ หากลืมทานยาคุมในช่วงสัปดาห์แรกของการเริ่มแผงยา (เม็ดที่ 1-7) และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ให้ทานยาคุมฉุกเฉินร่วมด้วย หากลืมทานยาคุมในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของแผงยา (เม็ดที่ 15 – 21) หลังทานยาคุมเม็ดที่ 21 ครบแล้วไม่ต้องทานเม็ดแป้งหรือเม็ดหลอก 7 วัน ให้เริ่มทานยาคุมแผงใหม่ได้ทันทีหลังทานเม็ดที่ 21
- ลืมเม็ดแป้ง (เม็ดที่ไม่มีฮอร์โมน) ให้ทิ้งเม็ดที่ลืมและทานเม็ดถัดไปตามปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีป้องกันเพิ่มเติม
ผลข้างเคียงของยาคุมที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง
ผลข้างเคียงจากการทานยาคุมหรือที่บางคนเรียกว่าอาการแพ้ยาคุมนั้นมีหลายอย่างด้วยกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคลและชนิดของยาคุมที่ใช้ ผลข้างเคียงที่พบบ่อยมีดังนี้
- คลื่นไส้และอาเจียน เกิดขึ้นในช่วงแรกของการใช้ยาและมักจะหายไปเองเมื่อร่างกายปรับตัว
- ปวดศีรษะ
- น้ำหนักเพิ่ม
- อารมณ์แปรปรวน เช่น รู้สึกเครียดหรือความเศร้า
- เจ็บหรือคัดหน้าอก
- เลือดออกกะปริบกะปรอย พบได้ในช่วงแรกของการใช้ยา
หากพบว่ามีผลข้างเคียงยาคุมที่ไม่สบายใจหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอาการและปรับเปลี่ยนยาคุม
ข้อควรทราบในการใช้ยาคุมกำเนิด
การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย อย่างไรก็ตามมีข้อควรทราบในการทานยาคุมกำเนิด เช่น
- ควรรับประทานยาคุมในเวลาเดียวกันทุกวันเพื่อรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายให้คงที่
- เมื่อทานยาคุมแล้วอาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ น้ำหนักเปลี่ยนแปลง อารมณ์แปรปรวน และมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน
- หากมีอาการรุนแรง เช่น ปวดท้องรุนแรง ปวดศีรษะรุนแรง ปวดขา หรือมีการมองเห็นผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
- การลืมกินยาอาจทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลงได้
- หากมีการทานยารักษาโรคประจำตัวอย่างอื่นร่วมด้วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
- ผู้ที่มีประวัติการเกิดลิ่มเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาคุม
- ยาคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยาคุม
1. วิธีกินยาคุมครั้งแรก 28 เม็ดทำอย่างไร
วิธีกินยาคุมชนิด 28 เม็ด ให้เริ่มทานเม็ดแรกในวันที่ 1 ของรอบเดือน และรับประทานทุกวันตามลำดับจนครบ 28 วัน แล้วเริ่มแผงใหม่ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายให้คงที่ หากลืมรับประทานยา 1 เม็ด ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ และทานเม็ดถัดไปตามปกติ
2. กินยาคุมแล้วเลือดออกควรทำอย่างไร
กินยาคุมแล้วเลือดออกอาจเกิดขึ้นได้และเป็นอาการที่พบได้บ่อย ไม่ถือว่าเป็นอาการที่น่าเป็นห่วงหากพบว่ามีเลือดออกเพียงเล็กน้อยและเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวอาจเป็นผลข้างเคียงธรรมดาของยาคุมกำเนิด
ซึ่งร่างกายอาจต้องใช้เวลาปรับตัวกับฮอร์โมนในยาคุมกำเนิด บางครั้งการมีเลือดออกจะหยุดเองหลังจากใช้ยาคุมกำเนิดไปสักระยะ อย่างไรก็ตามสามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมได้
3. กินยาคุมท้องได้ไหม
การคุมกำเนิดด้วยการทานยาคุมนั้นเป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%
สรุปยาคุมทานให้ได้ประสิทธิภาพควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
การรับประทานยาคุมกำเนิด ไม่ว่าจะการใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์หรือเพื่อรักษาโรค ควรศึกษาถึงวิธีการรับประทาน ข้อควรทราบ ไปจนถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการใช้งาน ควรปรึกษาหมอหรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวันถึงเที่ยงคืน ไม่มีค่าปรึกษาเภสัชกร เป็นส่วนตัวสูง พร้อมจัดส่งสินค้าถึงมือ สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS
Content powered by BeDee Expert
ภญ.กมลวรรณ พัดศรีเรือง
เภสัชกร
เรียบเรียงโดย
กรวรรณ ใจซื่อกุล
Birth control pills | The pill | Contraceptive pills. (n.d.). Planned Parenthood. https://www.plannedparenthood.org/learn/birth-control/birth-control-pill
Benisek, A. (2024, April 13). Birth control pills. WebMD. https://www.webmd.com/sex/birth-control/birth-control-pills
Choosing a birth control pill. (2022, December 3). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/birth-control/in-depth/best-birth-control-pill/art-20044807