“ผื่นผ้าอ้อม” หรืออาการ “แพ้แพมเพิส” เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิดหรือแม้แต่กลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องสวมใส่แพมเพิสแรกเกิดหรือสวมใส่แพมเพิสผู้สูงอายุเพื่อรองรับอาการปัสสาวะเล็ดเป็นเวลานาน อาการแพ้แพมเพิสสร้างความรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวันเป็น
โรคลมพิษอันตรายหรือไม่? รวมสาเหตุ อาการ และวิธีรักษา
ผื่นลมพิษ หนึ่งในอาการที่หลายคนเคยเป็น แม้ลมพิษจะดูไม่อันตรายอะไรแต่ก็สร้างความรำคาญด้วยอาการผื่นแดงคัน ผื่นขึ้นตามตัว และอาการเห่อแดงของผื่นจนทำให้ไม่กล้าพบเจอใคร และในบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นหอบ หายใจไม่ทัน หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน มารู้จักโรคลมพิษเพื่อป้องกันและสร้างความเข้าใจอย่างถูกต้องกันเลย
ลมพิษ คืออะไร?
โรคลมพิษ (Urticaria) คือ อาการผื่นคันที่เกิดขึ้นตามผิวหนัง มีผื่นแดงขึ้นตามตัว มีตุ่มนูนแดง คัน ไม่มีขุย ซึ่งผื่นลมพิษเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นกระจายทั่วทั้งลำตัว แขน ขา หรือใบหน้า ลมพิษสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกวัย แต่มักพบในช่วงวัยตั้งแต่ 20 – 40 ปี โดยปกติผื่นลมพิษจะเกิดขึ้นไม่เกิน 24 ชั่วโมงและจะค่อย ๆ หายไป แต่ในกรณีที่มีอาการลมพิษรุนแรงผู้ป่วยอาจมีอาการหอบ หายใจลำบาก หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
รู้จักกับ ผื่นคันประเภทต่าง ๆ และวิธีการรักษาผื่นคันอย่างถูกวิธี
ปรึกษาเรื่องลมพิษกับคุณหมอที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่มีค่าจัดส่งยา
ลักษณะอาการของโรคลมพิษ
โรคลมพิษ อาการทั่วไปที่สังเกตได้ง่ายมีดังนี้
- ผื่นลมพิษ จะมีลักษณะเป็นผื่นแดงคัน มีผื่นแดงขึ้นตามตัว มีตุ่มนูนแดง คัน ไม่มีขุย
- ลมพิษสามารถกระจายขึ้นได้ทั่วร่างกายตั้งแต่ลำตัว แขน ขา ใบหน้า ริมฝีปาก โดยจะมีอาการประมาณ 24 ชั่วโมงและจะค่อย ๆ หายไป
- ในบางรายที่มีอาการลมพิษรุนแรงอาจมีอาการ หอบ หืด แน่นหน้าอก หายใจไม่ทัน ความดันโลหิตต่ำ หรือาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
ผื่นลมพิษ มีกี่ประเภท?
ผื่นลมพิษสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. ลมพิษเฉียบพลัน
ลมพิษเฉียบพลัน (Acute Urticaria) คือผื่นลมพิษที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ไม่เกิน 6 สัปดาห์ แล้วจึงค่อย ๆ หายไป
2. ลมพิษเรื้อรัง
ลมพิษเรื้อรัง (Chronic Urticaria) คืออาการผื่นลมพิษ เรื้อรัง ที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลาต่อเนื่องตั้งแต่ 6 สัปดาห์ขึ้นไป โดยใน 1 สัปดาห์จะต้องมีผื่นลมพิษเกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้ง
สาเหตุของโรคลมพิษ เกิดจากอะไร?
แล้วลมพิษเกิดจากอะไร? จริง ๆ แล้วลมพิษเกิดจากสาเหตุหลัก ๆ ดังต่อไปนี้
- อาหาร ผู้ป่วยที่มีผื่นลมพิษบางรายอาจเกิดจากแพ้อาหารที่รับประทานเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เช่น อาหารทะเล ของหมักดอง สารกันบูด สีผสมอาหาร
- ยา
- แพ้สารที่สัมผัส เช่น การแพ้ยางพารา ขนสัตว์ เครื่องสำอาง สารเคมี ผงซักฟอก สบู่ ไรฝุ่น และอื่น ๆ เป็นต้น
- แพ้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
- การติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือการมีพยาธิในร่างกาย
- ความเครียด วิตกกังวล
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- อากาศร้อนจัดหรือเย็นจัด เกิดจากการตอบสนองของผิวหนังต่ออากาศ
- โรคเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อหรือฮอร์โมน เช่น โรคต่อมไทรอยด์
- โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง “ภูมิเพี้ยน” หรือ “Autoimmune Disease”
- โรคมะเร็ง
- ไม่ทราบสาเหตุ
การรักษาโรคลมพิษ
โดยปกติแล้วแพทย์จะมีแนวทางการรักษาผื่นลมพิษตามแนวทางดังต่อไปนี้
- หาสาเหตุหรือตัวกระตุ้นที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการลมพิษ เช่น การส่งตรวจเลือดเพื่อหาสารกระตุ้นอาการภูมิแพ้ (specific IgE)
- จ่ายยาแก้แพ้ แก้คัน (Antihistamine) หรือรับประทานยากลุ่มสเตียรอยด์ (Steroid) ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ
จ่ายยาบรรเทาอาการคัน เช่น ยาทาแก้ผื่นคัน ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาทากลุ่มที่มีเมนทอล (Menthol) เป็นส่วนผสมเพื่อลดอาการคัน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง ไม่ควรซื้อยามาใช้หรือรับประทานเองโดย
เมื่อมีอาการลมพิษ ดูแลตนเอง และรับมืออย่างไร?
วิธีแก้ลมพิษหรือดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการลมพิษนั้น โดยทั่วไปสามารถปฏิบัติตามแนวทางเบื้องต้นดังนี้
- รับประทานยาแก้แพ้ตามที่แพทย์สั่ง
- ทายาบรรเทาอาการคัน เช่น ยาทาผื่นคัน ยาทากลุ่มที่มีเมนทอล (Menthol) เป็นส่วนผสมเพื่อลดอาการคัน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากการเลือกใช้ยาอาจแตกต่างกันตามลักษณะอาการหรือตามบริเวณที่เป็น รวมถึงชนิดผิวหนังที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือหากมีอาการผิวแห้งมากเกิดการระคายเคือง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงให้ความชุ่มชื้นผิว ปราศจากน้ำหอม สี และแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งเร้ากระตุ้นให้เกิดลมพิษ
- ไม่ควรสัมผัส แกะ เกา ผื่นลมพิษเพราะอาจทำให้ผื่นลุกลามมากยิ่งขึ้น
- พยายามไม่เครียด ไม่วิตกกังวล
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรเข้านอนไม่เกิน 22.00 น.
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
อาการลมพิษแบบใดที่ควรไปพบแพทย์
อย่านิ่งนอนใจผื่นลมพิษ หากมีอาการดังนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน
- ผื่นลมพิษเกิดขึ้นนานกว่า 24 ชั่วโมง
- มีผื่นลมพิษร่วมกับภาวะมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดข้อ
- อาการลมพิษรุนแรง มีอาการ หอบ หืด แน่นหน้าอก หายใจไม่ทัน ความดันโลหิตต่ำ ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับลมพิษ
1. ลมพิษอันตรายไหม?
โดยปกติแล้วลมพิษทั่วไปไม่ใช่อาการที่อันตราย โดยผื่นลมพิษจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปภายใน 24 ชั่วโมง แต่ในกรณีที่มีอาการลมพิษรุนแรงอาจมีอาการ หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หน้าบวม ตาบวม ปากบวม ความดันโลหิตต่ำ หรืออาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
2. เป็นลมพิษห้ามกินอะไร?
โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยโรคลมพิษสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่สิ่งที่ควรงดรับประทานคืออาหารที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้ผู้ป่วยเกิดผื่นลมพิษ ควรงดรับประทานในกรณีที่ทราบหรือสงสัยว่าอาหารหรือส่วนประกอบในอาหารหรือเครื่องดื่มเหล่านั้นทำให้เกิดอาการขึ้น ดังนั้นต้องหมั่นสังเกตหรือหาสาเหตุของการเกิดผื่น แล้วหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นนั้น
3. เป็นลมพิษควรใช้อะไรทาบรรเทาอาการ?
สำหรับยาแก้แพ้ ผื่นคัน ลมพิษ แพทย์อาจแนะนำยาทาบรรเทาอาการคัน เช่น ยารับประทานแก้แพ้กลุ่มยาต้านฮีสตามีน หรือยาแก้แพ้กลุ่มอื่น ๆ นอกจากยาแบบกินแล้ว ยังมียาทาแก้ผื่นคันด้วย ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง ไม่ควรซื้อยามาใช้หรือรับประทานเอง เพื่อการเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล และเกิดความปลอดภัยสูงสุด
สรุปลมพิษ อาจรุนแรงและอันตรายกว่าที่คิด
มีอาการลมพิษอย่านิ่งนอนใจ ปรึกษาหมอออนไลน์หรือปรึกษาเภสัชกร ที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เรามีแพทย์และเภสัชกรพร้อมให้คำปรึกษา เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS
Content powered by BeDee Expert
ภญ.วุฒิรัต ธรรมวุฒิ
เภสัชกร
เรียบเรียงโดย
กรวรรณ ใจซื่อกุล
Hives (Urticaria) | Causes, symptoms & treatment. (2022, April 13). ACAAI Public Website. https://acaai.org/allergies/allergic-conditions/skin-allergy/hives/
Chronic hives – Symptoms and causes – Mayo Clinic. (2023, April 25). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/chronic-hives/symptoms-causes/syc-20352719