ดริปวิตามิน

การทำ iv drip vitaminเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มาแรงสำหรับการดูแลตัวเองโดยเฉพาะคนที่ยุ่ง ไม่มีเวลา ต้องการการฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่เลือกดริปวิตามินผิวขาวเพื่อมุ่งหวังผลในเรื่องผิวขาว ผิวกระจ่างใส หรือช่วยในการปรับสมดุลให้ร่างกาย มาทำความเข้าใจกันเลยว่าการดริปวิตามิน คืออะไร อันตรายหรือไม่ เหมาะสมกับใครและมีข้อควรระวังอย่างไร

สารบัญบทความ

ทำความรู้จัก ดริปวิตามิน คืออะไร?

ดริปวิตามินคืออะไร

Intravenous Vitamin Therapy (IV Drip) หรือที่เราเรียกว่าการ “ดริปวิตามิน” คือการให้วิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน หรือแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ การดริปวิตามินจะแตกต่างจากการรับประทานวิตามินเนื่องจากไม่ต้องผ่านการดูดซึมหรือการย่อย วิตามินสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทันทีทำให้ร่างกายได้รับวิตามินสูงสุด ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู สดชื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสูตรหรือส่วนผสมของการdrip วิตามินที่เลือกรับและร่างกายแต่ละบุคคลด้วย การดริปวิตามินแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้

การดริปวิตามิน ดีอย่างไร?

การดริปวิตามิน หรือ iv drip วิตามินนั้นมีข้อดีหลายอย่างด้วยกัน ประโยชน์ของการดริปวิตามินโดยหลัก ๆ แล้วมีดังนี้

  • วิตามินดริปช่วยให้สารอาหารสู่ร่างกายทันที ไม่ต้องผ่านการดูดซึม
  • การดริปวิตามินทำให้เห็นผลลัพธ์จากวิตามินหรือแร่ธาตุได้รวดเร็วและชัดเจน
  • การดริปวิตามินไม่ตกค้างในร่างกาย ขับออกทางปัสสาวะเช่นเดียวกับการรับประทานวิตามิน
  • ประหยัดเวลา ไม่ต้องคอยรับประทานวิตามินทุกวัน
  • สามารถเลือกสูตรวิตามินหรือแร่ธาตุที่เหมาะสมกับร่างกายได้


อย่างไรก็ตามการดริปวิตามินต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น ควรเลือกรับบริการจากโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ ปรึกษาการดริปวิตามินกับคุณหมอผ่านแอป BeDee ได้ทุกวัน

ความแตกต่างระหว่างดริปวิตามิน VS การทานวิตามิน

ดริปวิตามิน vs ทานวิตามิน

การดริปวิตามินเป็นที่นิยมในด้านความสวยความงาม เช่น การดริปวิตามินผิว ดริปวิตามินซี แต่การดริปวิตามินหรือการให้วิตามินทางเส้นเลือด แตกต่างจากการรับประทานวิตามินทั่วไปอย่างไรเป็นข้อที่คนทั่วไปมักจะสงสัย 

 

สำหรับการดริปวิตามินนั้นคือการให้วิตามินทางเส้นเลือดซึ่งทำให้วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระหรือสารบำรุงต่าง ๆ แล้วแต่สูตรที่เราเลือกรับนั้นเข้าสู่หลอดเลือดดำและร่างกายและนำไปใช้งานได้ทันที ไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย ไม่ต้องผ่านการทำงานของตับ หรือรอการดูดซึมเหมือนการรับประทานวิตามิน และเมื่อเราดริปวิตามินแล้ววิตามินหรือแร่ธาตุเหล่านั้นก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะ ไม่ตกค้างภายในร่างกาย หลายคนจึงเลือกดริปวิตามินผิว หรือการฉีดวิตามินเข้าเส้นเลือดเพราะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินโดยตรงนั่นเอง

 

ส่วนการทานวิตามินนั้นเมื่อเรารับประทานวิตามินเข้าไปร่างกายจะต้องใช้ระยะเวลาในการย่อย ดูดซึม และนำสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ออกมาใช้กับร่างกายซึ่งปริมาณการดูดซึมของร่างกายนั้นอาจจะสามารถดูดซึมได้เพียงแค่ 50% เท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายและระบบการดูดซึมสารอาหารของแต่ละบุคคลด้วย

 

อย่างไรก็ตามวิตามินแต่ละประเภทอาจเหมาะสมกับรูปแบบการทานหรือการดริปวิตามินแตกต่างกันไป ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางก่อนเลือกรับวิตามิน

 

BeDee มีแพ็กเกจราคาพิเศษดริปวิตามินลดความเหนื่อยล้าของร่างกายในผู้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ รู้สึกไม่สดชื่น พร้อมปรึกษานักจิตวิทยาคลินิก ดูแลทั้งกายและใจให้พร้อมลุยงานต่อ เลือกช้อปแพ็กเกจที่เหมาะกับคุณเลย

ดริปวิตามินผิว อันตรายไหม?

แม้ว่าการดริปวิตามินจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้น้อยแต่สิ่งที่ควรระมัดระวังในการทำiv drip คือการเลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้ชำนาญการที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ เพราะจะทำให้แพทย์ได้ซักประวัติผู้ป่วยอาจประเมินร่วมกับผลเลือด เช่น ค่าการทำงานของตับและไตของผู้ป่วยโดยละเอียดและประเมินความเสี่ยงหรือความเหมาะสมในการทำดริปวิตามินได้

ดริปวิตามินเหมาะและไม่เหมาะกับใคร

ดริปวิตามินเหมาะกับใครบ้าง

การดริปวิตามินนั้นอาจเหมาะสมกับแต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสูตรของวิตามินที่ดริป สุขภาพ หรือโรคประจำตัวเดิมรวมถึงการทำงานของร่างกายในแต่ละบุคคลด้วย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำ iv drip ทุกครั้ง

ผู้ที่เหมาะกับการดริปวิตามิน

  • ผู้ที่รู้สึกร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น
  • ผู้ที่มีปัญหาด้านผิวพรรณ ผิวไม่สดใส
  • ผู้ที่มีเกราะป้องกันผิว หรือ skin barrier ไม่แข็งแรง เป็นสิวง่าย ไม่ว่าจะเป็น สิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือ สิวผด
  •  ผู้ที่มีปัญหาด้านการนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ 

 

  • ผู้ที่มีปัญหาด้านระบบการเผาผลาญ
  • ผู้ที่มีปัญหาด้านภูมิแพ้
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูร่างกาย

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการดริปวิตามิน

  • หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่ให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยา หรือแพ้วิตามิน
  • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือ เคยมีประวัติผิวแพ้รุนแรง
  • ผู้ป่วยโรคไตที่ต้องล้างไต 
  • ผู้ป่วย โรคตับรุนแรง 
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษแพทย์ก่อนดริปวิตามิน
  • ผู้ป่วยโรค G6PD
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ

 

ผู้ที่มีปัญหาสุภาพเหล่านี้หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทำดริปวิตามินทุกครั้ง

การเตรียมตัวก่อนดริปวิตามิน 

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่
  • แจ้งข้อมูลสุขภาพ โรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ รวมทั้ง ยา หรือ วิตามินที่รับประทานเป็นประจำ ก่อนรับวิตามินดริปทุกครั้ง 
  • ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร

หลังดริปวิตามิน ดูแลตนเองอย่างไร

หลังการดริปวิตามิน โดยเฉพาะการดริปวิตามินผิว เพื่อดูแลสุขภาพ หรือการดริปผิวขาว มีข้อห้ามหลังดริปวิตามินหรือข้อควรระวังดังนี้

  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่าการป้องกันผิว SPF 50+ PA++++ 
  • ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ควรเข้านอนไม่เกิน 22.00 น. เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังอย่างหนัก 24 ชม. หลังดริปวิตามิน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอหรืออย่างน้อย 150 นาที / สัปดาห์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังดริปวิตามิน

ดริปวิตามิน ผลข้างเคียง

โดยปกติแล้วสิ่งที่อาจพบได้ภายหลังการดริปวิตามินจะมีเพียงรอยเข็มเป็นจุดแดงเล็ก ๆ ภายหลังการเจาะเส้นเลือดเพื่อให้สารน้ำเท่านั้น ซึ่งรอยดังกล่าวจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน แต่หากผู้ป่วยมีอาการแพ้วิตามินอาจมีอาการ คลื่นไส้ เวียนหัว ปวดท้อง มีผื่นขึ้นตามตัว ปวดท้อง หรือใจสั่นได้ หากเกิดอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์โดยด่วนที่สุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ดริปวิตามิน

1. ควรดริปวิตามินบ่อยแค่ไหน?

ความถี่ในการดริปวิตามินนั้นต้องพิจารณาจากความเข้มข้นของวิตามินที่ได้รับและร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้ทำ iv drip สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกัน 3-4 สัปดาห์ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมทุกครั้ง

2. ดริปวิตามิน กี่ครั้งเห็นผล?

จำนวนครั้งในการดริปวิตามินนั้นขึ้นอยู่กับสูตรของวิตามินที่ได้รับและร่างกายของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม

3. หลังดริปวิตามิน ผลลัพธ์อยู่ได้นานไหม?

การดริปวิตามินโดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์อาจอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิตามินที่รับและร่างกายแต่ละบุคคลด้วย

4. หากหยุดดริปวิตามินผิว ผิวจะกลับมาคล้ำหรือไม่?

สำหรับผู้ที่ดริปวิตามินผิว ดริปผิวใส ดริปผิวขาวเมื่อหยุดรับvitamin iv dripแล้วผิวสามารถกลับมาหมองคล้ำได้เนื่องจากการสัมผัสกับแสงแดด ฝุ่น ควัน และการใช้ชีวิตประจำวัน

ดริปวิตามินต้องปรึกษาแพทย์

ดริปวิตามินต้องเลือกแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น ปรึกษาหมอออนไลน์หรือปรึกษาเภสัชกร ที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เรามีแพทย์และเภสัชกรพร้อมให้คำปรึกษาและจัดส่งสินค้า เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

 

 

Content powered by BeDee Expert

พญ. วิภาวัณย์ อรรณพพรชัย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ป้องกันและสุขภาพองค์รวม

Anti-Aging & Preventive Medicine

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Charmley, S. (2023, March 27). What to know about IV therapy. https://www.medicalnewstoday.com/articles/iv-therapy#side-effects

 

PharmD, B. W., & Jc. (2022b, August 25). What Is IV Therapy? Benefits Of IV Drips. Mobile IV Medics. https://mobileivmedics.com/what-is-iv-therapy/

บทความที่เกี่ยวข้อง

Key Takeaway   โรคเซ็บเดิร์มมักเกิดบริเวณที่มีการผลิตน้ำมันบนผิวหนังอย่างมาก เช่น เซ็บเดิร์มที่หน้า เซ็บเดิร์มหนังศีรษะ เซ็บเดิร์มที่จมูก ผู้ป่วยเซ็บเดิร์มมักพบผิวลอกเป็นขุย หรือเป็นแผ่นสีขาว บริเวณหัวคิ้ว ข้างจมูก ใบหู รอบปาก หนังศีรษะ มีอาการปวด คั

Key Takeaways สิวอักเสบเกิดจากแบคทีเรีย Cutibacterium Acnes หรือ Propionibacterium Acnes (P.acnes) เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว ควรรักษาความสะอาดใบหน้า ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน ไม่แกะ บีบ หรือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ สิวอักเสบมักมีอาการบวมแดง ปวดสิว เจ็บส