สิวอักเสบ

Key Takeaways

  • สิวอักเสบเกิดจากแบคทีเรีย Cutibacterium Acnes หรือ Propionibacterium Acnes (P.acnes) เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว
  • ควรรักษาความสะอาดใบหน้า ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน ไม่แกะ บีบ หรือสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ
  • สิวอักเสบมักมีอาการบวมแดง ปวดสิว เจ็บสิว หากสิวอักเสบขึ้นไม่หยุดควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาลดสิวอักเสบและรับการรักษาที่เหมาะสม
สารบัญบทความ

สิวอักเสบคืออะไร?

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) คือ สิวอุดตันโดยมีแบคทีเรีย Cutibacterium Acnes หรือที่รู้จักกันในชื่อ Propionibacterium Acnes (P.acnes) เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว P.acnes จะดึงเม็ดเลือดขาวเข้ามาในตุ่มสิว ทำให้เกิดการอักเสบ และยังมีเอนไซม์ช่วยในการย่อยน้ำมัน (Sebum) ในตุ่มสิวให้กลายเป็นกรดไขมันที่มีฤทธิ์ส่งผลให้เกิดสิวอักเสบอีกด้วย

 

ปรึกษาปัญหา ผิวแพ้ง่าย และวิธีรักษาสิวอักเสบกับคุณหมอที่แอป BeDee ได้ทุกวัน สะดวก ส่งสินค้าถึงบ้าน

สิวอักเสบสาเหตุเกิดจากอะไร?

สิวอักเสบเกิดจากอะไร

สิวอักเสบเกิดจากหลายสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้

  1. การผลิตน้ำมันมากเกินไป (Sebum) ต่อมไขมันในผิวหนังผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้รูขุมขนอุดตัน
  2. การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมอยู่ในรูขุมขน ทำให้เกิดการอุดตัน
  3. การเติบโตของแบคทีเรีย แบคทีเรียที่ชื่อว่า Propionibacterium acnes เจริญเติบโตในรูขุมขนที่อุดตัน ทำให้เกิดการอักเสบ
  4. ฮอร์โมน ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง เช่น ในช่วงวัยรุ่นหรือช่วงมีประจำเดือน อาจทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
  5. ปัจจัยภายนอก ความเครียด อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีที่ทำให้ผิวระคายเคืองก็เป็นสาเหตุได้

สิวอักเสบมักจะเป็นการอักเสบที่รูขุมขนที่อุดตัน ทำให้เกิดอาการบวมแดง และอาจเจ็บปวด หากอาการสิวอักเสบเป็นมากควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสม

ประเภทของสิวอักเสบมีกี่ประเภท

สิวอักเสบแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

1. สิวหัวหนอง

สิวหัวหนอง (Pustules) เป็นสิวอักเสบที่มีหนองอยู่บริเวณหัวสิว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง มีหนองสีขาวหรือสีเหลืองอยู่ตรงกลาง มักจะเจ็บเมื่อสัมผัส

2. สิวตุ่มแดง

สิวตุ่มนูนแดง (Papules) เป็นสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก ไม่มีหนอง แต่มักมีการอักเสบและเจ็บเล็กน้อย

3. สิวหัวช้าง 

สิวหัวช้าง (Nodules) เป็นสิวที่เกิดจากการอักเสบใต้ผิวหนังชั้นลึก มีขนาดใหญ่ แข็ง และเจ็บมาก มักเกิดขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อและการอักเสบในระดับลึก

4. สิวซีสต์

สิวซีสต์ (Cysts) เป็นสิวที่รุนแรงที่สุด มีขนาดใหญ่และอาจเกิดเป็นถุงหนองใต้ผิวหนัง สัมผัสโดนแล้วเจ็บมาก และมีโอกาสสูงที่จะเกิดแผลเป็นหลังจากหาย

วิธีการรักษาสิวอักเสบควรทำอย่างไร?

การรักษาสิวอักเสบให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต้องเลือกวิธีการรักษาให้เหมาะสม ดังนี้

1. ติดแผ่นดูดซับสิวอักเสบ

หลายคนเมื่อเป็นสิวมักจะเลือกติดแผ่นดูดซับสิว แผ่นดูดซับจะช่วยดูดซับหนองและน้ำเหลืองจากสิว ทำให้สิวยุบและลดการอักเสบได้เร็วขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้บริเวณที่เป็นสิวสัมผัสกับสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียจากมือของเราหรือสิ่งแวดล้อมภายนอก

2. Benzoyl Peroxide

Benzoyl Peroxide มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวโดยเฉพาะแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการอักเสบและการเกิดสิว Benzoyl Peroxide ช่วยลดการอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนอุดตันและก่อให้เกิดสิวทำให้สิวอักเสบลดลงและหายเร็วขึ้น

 

การใช้ Benzoyl Peroxide ควรเริ่มด้วยความเข้มข้นต่ำก่อน เช่น 2.5% หรือ 5% เพื่อให้ผิวปรับตัว และควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ในบางราย

3. Retinoids

ในกรณีที่เป็นสิวในระดับเล็กน้อยไม่รุนแรง เช่น สิวผด สิวอุดตัน สามารถทายารักษาสิวกลุ่ม Retinoids (เรตินอล) เพื่อบรรเทาอาการสิวเบื้องต้นได้ เรตินอลเป็นกลุ่มของสารที่มีอนุพันธ์ของวิตามิน A ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวโดยการเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหนัง ทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ นอกจากนี้เรตินอลยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของผิวหนัง ช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนผิวหนังซึ่งช่วยให้สิวอักเสบลดลงและหายเร็วขึ้น

 

การใช้เรตินอลควรเริ่มด้วยปริมาณเล็กน้อยและควรใช้ในช่วงกลางคืน เนื่องจากเรตินอลทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น และควรใช้ร่วมกับครีมกันแดดในระหว่างวันเพื่อป้องกันการระคายเคือง

4. ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

สำหรับสิวอักเสบในระดับปานกลางถึงมากสามารถใช้ยาทาปฏิชีวนะแต้มเฉพาะจุดที่เป็นร่วมด้วย ทั้งนี้ไม่ควรใช้เฉพาะยาปฏิชีวนะเดี่ยว ๆ เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการดื้อยาได้ หากเป็นสิวในระดับรุนแรงแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะหรือกลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอชนิดรับประทานร่วมด้วย แนะนำให้ปรึกษาการใช้ยากับเภสัชกรเพิ่มเติม

5. ปรึกษาแพทย์

หากพบว่าสิวอักเสบรุนแรงขึ้นหรือทายาแล้วไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าจริง ๆ แล้วสิวของเราคือสิวประเภทใดและควรรักษาแบบใดเพื่อให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

BeDee Tips: รู้จักกรด AHA ช่วยรักษาสิว มีประโยชน์ต่อผิวอย่างไร อ่านเลย 

 

ปรึกษาการใช้ยารักษาสิวอักเสบกับเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวัน ไม่มีค่าปรึกษา

ดูแลผิวอย่างไรเมื่อเป็นสิวอักเสบ

สิวอักเสบ ดูแลผิว

รับมือกับสิวอักเสบได้ไม่ยาก ดูแลผิวตามง่าย ๆ ตาม Steps ที่ใครก็ทำได้ ทำตามนี้เลย!

  1. รักษาความสะอาดใบหน้าหรือส่วนที่เกิดสิวให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ ไม่ควรปล่อยให้เกิดการหมักหมมของเหงื่อและความมัน หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วงที่เป็นสิวมากเพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันและทำให้สิ่งสกปรกสะสมได้ 
  2. ทายา ครีมรักษาสิว หรือรับประทานยารักษาสิวตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำ
  3. ไม่ซื้อยาฮอร์โมน ยาคุมกำเนิด หรือยาสเตียรอยด์มารับประทานเองโดยเด็ดขาด

แชร์เคล็ดลับ วิธีการป้องกันไม่ให้เป็นสิวอักเสบ ควรทำอย่างไร? 

ไม่อยากเป็นสิวอักเสบ ป้องกันเลยกับเคล็ดลับดี ๆ ที่เราได้รวบรวมมาให้ ดังนี้

  • ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (non-comedogenic) เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดสิว
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า หรือการจับสิว เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของแบคทีเรียและการเกิดสิวอักเสบ
  • ซักหมอน ปลอกหมอน ผ้าขนหนู และทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถสะสมเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้
  • เลือกครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนและทาเป็นประจำทุกวัน แม้ว่าจะไม่ได้ออกไปข้างนอก เพราะแสงแดดสามารถทำให้ผิวระคายเคืองและทำให้สิวแย่ลง
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักและผลไม้ที่มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารมัน หรืออาหารที่ผ่านกระบวนการมาก ๆ ซึ่งอาจทำให้ผิวมันและเป็นสิว
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวัน เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
  • ความเครียดสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่อาจทำให้สิวเกิดขึ้นได้ การจัดการความเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย การนั่งสมาธิ หรือโยคะ จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึก เพราะการนอนดึกทำให้ร่างกายเกิดความเครียดมากขึ้น และกระบวนการซ่อมแซมฟื้นฟูสภาพผิวทำงานได้ไม่เต็มที่ ทั้งยังทำให้ฮอร์โมนในร่างกายหลั่งผิดปกติ มีผลต่อการเกิดสิวอักเสบ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวอักเสบ

1. สิวอักเสบควรบีบไหม?

เมื่อเป็นสิวอักเสบการบีบสิวอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียและหนองกระจายลึกลงไปในผิว ทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้นและเกิดสิวใหม่ได้ และหากมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้บีบสิวไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและทำให้สิวลุกลามหรือรุนแรงขึ้น เกิดแผลเป็น รอยแดง รอยบวมได้ การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเป็นวิธีจัดการสิวอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

2. วิธีทำให้สิวยุบ

การทำให้สิวอักเสบยุบนั้นควรเริ่มจากการดูแลผิวหน้า ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ใช้ยาทาตามที่แพทย์หรือเภสัขกรแนะนำ

3. สิวอักเสบกี่วันหาย?

ระยะเวลาที่สิวอักเสบจะหายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดของสิว ความรุนแรงของการอักเสบ และวิธีการรักษา โดยทั่วไปแล้วสิวขนาดเล็กที่มีการอักเสบไม่รุนแรงอาจหายไปภายใน 3-7 วันหากได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม แต่หากสิวที่มีขนาดใหญ่หรือสิวซีสต์ (Cystic Acne) อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษา

สรุปสิวอักเสบ ปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาอย่างเหมาะสม

หลายครั้งที่เราดูแลสิวเอง ซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มาใช้เองแล้วไม่ได้ผล สิวไม่หายสักที บางครั้งอาการแย่ลงอาจเป็นเพราะการรักษาที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ตรงจุดกับปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อให้ได้รับการรักษาหรือยาที่เหมาะสม ตรงกับปัญหาผิวของเรา

 

ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เป็นส่วนตัวสูง พร้อมจัดส่งสินค้าถึงมือ เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

 

พญ.จิรภัทร สุริยะชัยสวัสดิ์
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Inflammatory acne. (2024, May 1). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/22765-inflammatory-acne


DermNet. (2023, June 14). Inflammatory lesions in acne. DermNet®. https://dermnetnz.org/topics/inflammatory-lesions-in-acne


Leung, A. K., Barankin, B., Lam, J. M., Leong, K. F., & Hon, K. L. (2021). Dermatology: how to manage acne vulgaris. Drugs in context, 10, 2021-8-6.

https://doi.org/10.7573/dic.2021-8-6

บทความที่เกี่ยวข้อง

การทำ iv drip vitaminเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มาแรงสำหรับการดูแลตัวเองโดยเฉพาะคนที่ยุ่ง ไม่มีเวลา ต้องการการฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่เลือกดริปวิตามินผิวขาวเพื่อมุ่งหวังผลในเรื่องผิวขาว ผิวกระจ่างใส หรือช่วยในการปรับสมดุลให้ร่างกาย

Key Highlight ควรหลีกเลี่ยงการแกะเกาบริเวณที่ผิวไหม้แดดเพราะอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเสียหายหรืออาจเกิดแผลอักเสบติดเชื้อได้ การประคบเย็นจะช่วยปลอบประโลมให้ผิวเย็นลงและลดการอักเสบ ทำให้รู้สึกสบายขึ้น สามารถใช้ว่านหางจระเข้หรือครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน ไ