Toxic Relationship

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

Key Takeaways

  • Toxic Relationship คือความสัมพันธ์ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต อารมณ์ หรือแม้กระทั่งสุขภาพร่างกายของบุคคลที่เกี่ยวข้อง 
  • ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษนี้อาจเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์รูปแบบต่าง ๆ ทั้งความสัมพันธ์แบบคู่รัก ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนทั่วไปก็ตาม
  • หากพบว่ามีความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ ไม่รู้จะรับมือและจัดการอย่างไร แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิกเพื่อหาทางรับมือ
สารบัญบทความ

ทำความรู้จัก Toxic Relationship คืออะไร? 

“Toxic Relationship” หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ” นั้นคือความสัมพันธ์ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต อารมณ์ หรือแม้แต่สุขภาพร่างกายของบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยความสัมพันธ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบคู่รัก ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนทั่วไปก็ตาม ความสัมพันธ์แบบ “เป็นพิษ” นี้อาจมีเพียงเราฝ่ายเดียวที่รู้สึกโดยที่อีกฝ่ายอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังทำให้อีกฝ่ายเกิดความอึดอัดใจ

เช็ก 7 สัญญาณ Toxic Relationship ที่ต้องระวัง

7 สัญญาณ toxic relationship

ถึงแม้ว่าทุกความสัมพันธ์อาจมีปัญหาที่เราจะต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันและค่อย ๆ ปรับตัวกันไป แต่ความสัมพันธ์แบบ Toxic Relationship นั้นอาจเป็นความสัมพันธ์แบบเป็นพิษซึ่งร้ายแรงจนไม่สามารถยอมรับได้ แล้วความสัมพันธ์ Toxic มีอะไรบ้าง? BeDee มีตัวอย่างมาให้ดูกัน

1. ควบคุมการกระทำและความคิด

สัญญาณ Toxic Relationship ข้อแรกคือแฟน เพื่อน หรือบุคคลนั้น ๆ ของคุณพยายามควบคุมการตัดสินใจหรือการกระทำของอีกฝ่ายมากเกินไป เช่น ห้ามพบเพื่อน ต้องแต่งตัวมิดชิด เสื้อผ้าต้องปกปิดทุกส่วน ห้ามมีความคิดเห็นอื่น ๆ และอื่น ๆ การกระทำแบบนี้อาจทำให้เรารู้สึกอึดอัด ไม่มีความสำคัญในความสัมพันธ์นั้น

2. ขาดความไว้วางใจ

ความสัมพันธ์แบบ Toxic อย่างหนึ่งคือการที่อีกฝ่ายมักสงสัยและไม่เชื่อใจ เช่น แอบเช็กโทรศัพท์ ข้อความ หรือโซเชียลมีเดีย

3. มีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน 

ความสัมพันธ์ในครั้งนี้อาจจะไม่มีสถานะที่ใช้ระบุความสัมพันธ์ที่ชัดเจน เช่น แฟน คนรัก คนคุย ทำให้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นอีกฝ่ายอาจยกเรื่องสถานะที่ไม่ชัดเจนนี้มาเป็นข้ออ้างได้

4. หลอกลวง ไม่ซื่อสัตย์

ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและอีกฝ่ายอาจมีความหลอกลวง ไม่จริงใจเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น มีการโกหก นอกใจ หลอกเอาผลประโยชน์บางอย่าง หลอกใช้งานอีกฝ่าย และอาจมีการใช้เทคนิค Gaslighting เผื่อให้เรากลายเป็นผู้ที่ควรรู้สึกผิดแทนอีกด้วย

5. หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ

ตัวอย่าง Toxic Relationship ในข้อนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในเรื่องความรักและชีวิตการทำงาน สิ่งที่เกิดขึ้นคืออีกฝ่ายมักไม่ยอมรับผิดหรือไม่สนใจแก้ไขปัญหา เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ข้องเกี่ยว ปล่อยให้อีกฝ่ายแก้ปัญหาอยู่เพียงลำพังโดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ

6. ใช้อารมณ์รุนแรง 

อีกฝ่ายอาจมีการใช้อารมณ์ เช่น ความโกรธ ความหึงหวง กล่าวโทษ ด่าทอ ขึ้นเสียง เพื่อกดดันหรือข่มขู่อีกฝ่าย การใช้อารมณ์รุนแรงนั้นอาจนำไปสู่การใช้กำลังต่อไปได้

7. ใช้กำลัง 

สิ่งที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่งของ Toxic Relationship คือการใช้กำลัง การทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ เช่น การตี การข่มขู่ หรือการล่วงละเมิด การบังคับให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ ไม่เต็มใจ

วิธีรับมือกับ Toxic Relationship 

เมื่อเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว Toxic Relationship มีวิธีแก้อย่างไร? การรับมือกับ Toxic Relationship ต้องใช้การวางแผนที่เหมาะสมเพื่อปกป้องตัวเองทั้งในด้านจิตใจและร่างกาย วิธีการรับมือที่เหมาะสม เช่น

  1. สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา
    เปิดใจพูดคุยเพื่อบอกความรู้สึกของตัวเองและสิ่งที่คุณต้องการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ สิ่งสำคัญคือควรใช้เหตุผลและภาษาที่เป็นมิตรในการพูดคุย รับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่าย ให้โอกาสอีกฝ่ายแสดงความคิดเห็นในมุมของตัวเอง

  2. ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน
    เมื่อพูดคุยกันแล้วให้ระบุสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ บอกอีกฝ่ายให้เข้าใจถึงพฤติกรรมที่คุณไม่สามารถทนได้ เช่น การดูถูกหรือการโกหก

  3. ประเมินความสัมพันธ์อย่างเป็นกลาง
    ลองถามและพูดคุยกับตัวเองว่าความสัมพันธ์นี้มียังเป็นไปได้หรือไม่? มีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะปรับปรุงพฤติกรรมและความคิดหรือไม่ ? หากไปต่อเราจะมีความสุขหรือความทุกข์มากกว่ากัน ?
     
  4. ให้เวลากับการเยียวยาตัวเอง
    สิ่งที่ควรให้ความเข้าใจคือเราไม่ได้ผิดที่ต้องการปรับปรุงความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น ใช้เวลาในการดูแลตัวเอง สร้างความมั่นใจ และฟื้นฟูสุขภาพจิต

  5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
    หากมีปัญหาในความสัมพันธ์ การปรึกษานักจิตวิทยาคลินิกหรือจิตแพทย์จะช่วยให้เราปรับวิธีคิดและมีวิธีการรับมือกับปัญหาได้เหมาะสมยิ่งขึ้น 


มีปัญหาความสัมพันธ์ การปรับตัว ปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิกที่แอป BeDee ได้ทุกวัน สะดวก เป็นส่วนตัว ส่งยาถึงที่ ไม่มีค่าจัดส่ง

วิธีป้องกัน Toxic Relationship 

ป้องกัน toxic relationship

วิธีป้องกัน Toxic Relationship คือการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงและมีความเข้าใจถึงคุณค่าในตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นด้วยวิธีการ เช่น 

  1. รู้จักคุณค่าของตัวเอง
    เราควรเข้าใจว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เป็นตัวตัดสินคุณค่าของเรา เรายังมีคุณค่าและความหมายสำหรับตัวเองและคนอื่นเสมอ เราไม่ควรยอมรับพฤติกรรมที่ทำให้รู้สึกไม่ดี หากมีพฤติกรรมที่ทำให้ไม่สบายใจ ควรพูดออกไป

  2. ดูแลสุขภาพจิตของตัวเอง
    มีเวลาสำหรับตัวเองเพื่อผ่อนคลาย และพบเจอคนอื่น ๆ เช่น ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ พูดคุยกับเพื่อน ใช้เวลากับครอบครัว 

  3. มีการสื่อสารที่ดี
    สร้างการพูดคุยอย่างเปิดใจ ตรงไปตรงมาเพื่อสื่อสารถึงความรู้สึก ความต้องการ และความคาดหวังของแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจนโดยไม่ใช้อารมณ์ ในขณะเดียวกันเราก็ควรฟังอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ให้ความสำคัญกับความรู้สึกและความคิดของอีกฝ่าย เคารพความเห็นต่าง

  4. กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน
    กำหนดสิ่งที่ยอมรับได้และยอมรับไม่ได้ในความสัมพันธ์นี้และบอกให้อีกฝ่ายได้ทราบ เช่น การโกหก ดูถูก ใช้อารมณ์ การเอาเปรียบ หนีปัญหา

  5. เข้าใจว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่าง
    มองหาความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพใจ ไม่ใช่แค่ความรักที่ลึกซึ้งแต่ต้องมีความเคารพและการสนับสนุนซึ่งกันและกัน กล้าที่จะถอยหากความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีต่อสุขภาพจิต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Toxic Relationship

1. หากเลือกจะไปต่อกับ Toxic Relationship ควรทำอย่างไร?

เมื่อประเมินและได้เปิดใจพูดคุยกันทั้งสองฝ่ายแล้วพบว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้อาจไม่ดีขึ้น ไม่เป็นไปตามที่เรายอมรับได้ ควรยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชี้แจงถึงเหตุผลให้อีกฝ่ายได้ฟังถึงเหตุผลที่จะต้องยุติความสัมพันธ์โดยไม่ใช้อารมณ์และอคติ

2. วิธีช่วยเพื่อนหรือคนใกล้ชิดที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบ Toxic ควรทำอย่างไร? 

ให้กำลังใจ รับฟังโดยไม่ตัดสิน และช่วยสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจ หรืออาจแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิก

3. Toxic Relationship ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างไร?

ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษสามารถสร้างความเครียดเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ซึ่งอาจทำให้รู้สึกหมดพลังงาน ขาดความสุข และไม่มีสมาธิในการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังอาจทำลายความมั่นใจในตัวเอง ทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่มีคุณค่า หรือต้องโทษตัวเองตลอดเวลา หากไม่ได้รับการแก้ไข ผลกระทบนี้อาจลุกลามไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพกาย เช่น อาการปวดหัว นอนไม่หลับ หรือระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงด้วย

4. เริ่มต้นใหม่อย่างไรหลังจากออกจาก Toxic Relationship?

ควรเริ่มต้นด้วยการให้เวลาและพื้นที่กับตัวเองในการฟื้นฟูจิตใจ มุ่งเน้นการดูแลตัวเอง เช่น ทำกิจกรรมที่ชอบหรือพัฒนาตัวเอง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและปลอดภัยกับคนรอบข้าง หากยังรู้สึกเจ็บปวดหรือไม่มั่นใจ สามารถปรึกษานักจิตวิทยาคลินิกหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยสร้างมุมมองใหม่และความมั่นใจในความสัมพันธ์ครั้งต่อไป

Toxic Relationship ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิก 

มีปัญหาสุขภาพใจ ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ ปัญหาการทำงาน คุยกับคุณหมอหรือนักจิตวิทยาคลินิกที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เราคือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคุณ ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรได้เลยที่นี่ 

 

BeDee พบหมอเฉพาะทางเครือ BDMS ได้ทันที ไม่ต้องรอคิว ส่งยาทั่วไทย มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล

สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

 

Content powered by BeDee Expert

ธนวินท์ มีลาภอุดมชัย
นักจิตวิทยาคลินิก

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

10 signs of an unhealthy relationship. (n.d.). https://somersetdomesticabuse.org.uk/10-signs-of-an-unhealthy-relationship/


Lloyd, K. (2024, July 16). 10 steps to Fix a toxic Relationship | ClearMinds. ClearMinds, Center for Emotional Health. https://www.clearmindscenter.com/blog/10-steps-to-fix-a-toxic-relationship/


mindbodygreen. (2022, December 7). Can a toxic relationship be fixed? 10 necessary steps it would take. Mindbodygreen. https://www.mindbodygreen.com/articles/how-to-fix-a-toxic-relationship?srsltid=AfmBOoqwqrUcgsM9Q3PQgdNkaRIhrV7d5oZtgzqmRRCPEsxKBgMqLB65

บทความที่เกี่ยวข้อง

Key Takeaway โรคกินไม่หยุด คือ ภาวะที่ไม่สามารถหยุดรับประทานอาหารได้แม้จะไม่ได้หิว อยากกินตลอดเวลา มีอาการกินเยอะกว่าปกติ กินจนรู้สึกอิ่ม แน่นท้อง เมื่อทำพฤติกรรมเช่นนั้นแล้วจะรู้สึกผิดในภายหลัง โรคกินไม่หยุดมักเกี่ยวข้องกับความเครียดและปัญหาทางอารมณ

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวทำให้เรามีความเสี่ยงต่อความเจ็บป่วยทางจิตเวชมากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น โรคเครียด, นอนไม่หลับ หรือแม้แต่โรคซึมเศร้า ก็ดูจะใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด ทุกวันนี้เรามีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาทางด้านจิตเวชมา