วิธีมูฟออน

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

Key Takeaways

 

  • มูฟออนคือการก้าวผ่านความรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวัง และเสียใจจากการเลิกรากับคนรัก เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
  • ไม่จำเป็นต้องเร่งรัดให้ตัวเองรีบมูฟออน อนุญาตให้ตัวเองเศร้าได้ ร้องไห้ได้ และเมื่อถึงเวลาที่จิตใจของเราพร้อม เราจะก้าวข้ามความรู้สึกเศร้าไปได้
  • การปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิกเป็นอีกวิธีที่ช่วยได้อย่างมาก เพราะจะทำให้เรามีวิธีรับมือและจัดการกับปัญหาได้อย่างเหมาะสม
สารบัญบทความ

การมูฟออนคืออะไร สำคัญอย่างไร ? 

พูดถึงเรื่องความรักหรือแม้แต่ทุกความสัมพันธ์เมื่อมีการพบย่อมมีการเลิกรา บางความสัมพันธ์อาจจำเป็นต้องจากกันด้วยเหตุผลส่วนตัว บางคนอาจเจอความสัมพันธ์แบบ Toxic Relationship หรืออาจเจอการสูญเสียซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าหลายคนอาจจะไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์เดินทางมาถึงจุดนี้ แต่หากเลี่ยงไม่ได้ วิธีลืมแฟนเก่าหรือที่หลายคนเรียกว่าการ “มูฟออน” ก็เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้เช่นกันเมื่อความสัมพันธ์นั้นจำเป็นต้องสิ้นสุดลง 

 

มูฟออน (Move On) คือการก้าวผ่านความรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวัง และเสียใจจากการเลิกรากับคนรัก เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่เมื่อเราสามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ จะนำไปสู่การเติบโตและความสุขในชีวิตที่มากขึ้น

 

BeDee Tips: Gaslighting ความสัมพันธ์แบบปั่นหัวล้างสมองคืออะไร อ่านเพิ่มเติมเลย!

10 วิธีมูฟออนจากความสัมพันธ์ที่จบไปให้ได้ผล

วิธีมูฟออนจากคนที่เจอกันทุกวัน

เมื่อทราบแล้วว่าจำเป็นต้องสิ้นสุดความสัมพันธ์นี้ลงโดยที่ตั้งใจหรืออาจไม่ได้ตั้งใจ การยึดติดกับอดีตจะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ทำให้เกิดความเครียด ซึมเศร้า และวิตกกังวล วิธีมูฟออนให้เร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งที่เราควรทราบและนำมาปรับใช้ BeDee มี 10 วิธีตัดใจจากความผูกพันหรือวิธีมูฟออนจากคนคุยมาแนะนำดังนี้

1. ให้เวลาในการทบทวนตัวเอง

การทบทวนตัวเองคือการทำความเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเราทำเต็มที่แล้วและเราก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ การเขียนบันทึกหรือการเขียนไดอารี่บรรยายความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นอีกวิธีมูฟออนจากแฟนเก่าหรือมูฟออนจากเรื่องแย่ ๆ ในแต่ละวัน ช่วยให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น

2. ใช้เวลากับคนที่เรารัก

หลายคนคงเคยได้ยินว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึกอกหัก หรือรู้สึกเศร้าไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามให้ลองหันกลับมาใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง วิธีมูฟออนแบบนี้จะช่วยให้เรารู้สึกสบายใจมากขึ้น ได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่รักและเห็นคุณค่าเราจริง ๆ เราอาจเล่าเรื่องความทุกข์ที่เรากำลังเผชิญให้กับคนที่เรารู้สึกไว้ใจฟังเพื่อระบายความรู้สึก หลายครั้งคนใกล้ตัวเราอาจมองเห็นวิธีแก้ปัญหาได้ดีกว่าเราด้วย

3. ยอมรับความเป็นจริง

การยอมรับความจริงเป็นสิ่งแรก ๆ ของวิธีมูฟออนเลยก็ว่าได้ เราไม่จำเป็นรีบร้อนที่จะลืมหรือผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไป ให้เวลาตัวเองได้รู้สึกทุกข์เศร้า โกรธ หรือเสียใจ แล้วค่อย ๆ พาตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน นึกถึงสิ่งที่ต้องทำต่อไป การเลิกราเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น การยอมรับความจริงจะช่วยให้เรานำบทเรียนเหล่านั้นมาปรับใช้กับชีวิตในอนาคต

4. หลีกเลี่ยงการโทษตัวเอง

หลังเลิกรากันบางคนอาจจะโทษตัวเองว่าเป็นฝ่ายผิดเอง แต่อย่าลืมว่าทุกความสัมพันธ์ย่อมมีจุดจบ การโทษตัวเองจะยิ่งทำให้รู้สึกแย่ลง เราอาจรู้สึกว่าถ้าเราทำอะไรดีกว่านี้ สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไป แต่เราทุกคนไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ การจมอยู่กับความผิดจะทำให้ไม่สามารถก้าวต่อไปได้ ความสัมพันธ์ที่จบลงเป็นเรื่องปกติ และมักมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ความผิดของคุณคนเดียวเสมอไป

5. ปล่อยวางกับเรื่องที่ผ่านมา

หลังจากที่เราให้เวลาทบทวนตัวเอง ให้เวลาตัวเองได้เสียใจ และยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ขั้นต่อไปคือการปล่อยวาง เพราะเราต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ สิ่งที่สามารถทำได้คือเตรียมพร้อมกับการมูฟออนต่อไปในอนาคต

6. เริ่มต้นทำสิ่งที่ไม่เคยทำ 

การเริ่มต้นทำหรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนเป็นการฝึกสมองอีกวิธีหนึ่ง ช่วยให้เราสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้ และยังช่วยให้เราห่างไกลจากความเศร้าได้อีกด้วย การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น ทำงานอดิเรกใหม่ ๆ เดินทางไปเที่ยวในที่ใหม่ หรือการเรียนทักษะใหม่ ๆ จะช่วยให้เราได้พัฒนาทักษะและความสามารถในด้านต่าง ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเก่งขึ้น มีความสามารถมากขึ้น ผลก็คือเราจะมีความสุขและภูมิใจในตัวเองมากขึ้นตามไปด้วย

7. เดินทางไปสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ

วิธีมูฟออนอย่างหนึ่งที่หลายคนเลือกใช้และเป็นวิธีที่ดีคือการออกไปท่องเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ ลาพักร้อน ออกไปเที่ยวสถานที่ใหม่ ๆ ช่วงวันเสาร์อาทิตย์จะทำให้เรารู้สึกสดชื่น สมองปลอดโปร่ง หยุดโฟกัสกับความเศร้า

8. ตั้งเป้าหมายในการใช้ชีวิต

การสร้างเป้าหมายใหม่ในชีวิตช่วยให้เรามีจุดมุ่งหมาย ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความหมายและคุ้มค่า อาจเริ่มจากเป้าหมายง่าย ๆ หรือสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อ่านหนังสือ เข้าคอร์สเรียน เดินทางไปยังสถานที่ใหม่ ๆ สิ่งสำคัญคืออย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ควรให้เวลาตัวเองเพราะการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา 

9. ดูแลตัวเองมากขึ้น

การหันมาดูแลตัวเองเป็นวิธีมูฟออนที่ดีอย่างมาก เพราะในตอนที่เราเศร้า โทษตัวเอง เราเลือกที่จะหยิบยื่นความรู้สึกแย่ ๆ เข้าหาตัวเองจนลืมว่าคนที่สำคัญที่สุดคือตัวเรา การหันกลับมาดูแลตัวเอง เช่น ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับให้ได้คุณภาพ ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมที่ชอบ เป็นการสร้าง Self-Compassion หรือการเมตตาต่อตนเองที่จำเป็นมากอย่างหนึ่ง การเมตตาต่อตนเองคือการปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความเมตตา กรุณา และเข้าใจ เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก ความผิดพลาด หรือความไม่สมบูรณ์แบบ แทนที่จะตำหนิตัวเองอย่างรุนแรง

10. ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิก

การปรึกษาผู้ชำนาญการทั้งจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิกเป็นการรับมือกับภาวะทางด้านจิตใจที่มีประสิทธิภาพมาก เนื่องจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิกจะช่วยให้เราปรับความคิด รู้เท่าทันอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองและยังช่วยให้เราจัดการกับปัญหาและความรู้สึกของตัวเองได้เหมาะสมยิ่งขึ้น 

 

ปรึกษาจิตแพทย์ ที่แอป BeDee ได้ทุกวัน สะดวก เป็นส่วนตัว 

ส่งยาถึงที่ ไม่มีค่าจัดส่ง

ใช้วิธีมูฟออนแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นควรทำอย่างไร 

หากลองปฏิบัติตามวิธีมูฟออนจากคนที่ชอบแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นไม่ต้องรู้สึกตกใจ เพราะวิธีการรับมือและจัดการกับปัญหาของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน หากรู้สึกว่ายังมูฟออนไม่ได้ อึดอัดใจ ไม่สบายใจ หรือการจากลาจากความสัมพันธ์ในครั้งนี้ยังสร้างบาดแผลในใจสามารถปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยาคลินิกได้ทันที การปรึกษาผู้ชำนาญการเฉพาะทางจะช่วยให้เรามีวิธีรับมือและจัดการกับปัญหาได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น ช่วยให้เรารู้สึกสบายใจ และอาจช่วยให้ป้องกันการเกิดโรคทางจิตเวชได้ทัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการวิธีมูฟออน

1. วิธีมูฟออนที่เร็วที่สุดคืออะไร?

จริง ๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องเร่งรัดให้ตัวเองรีบมูฟออนให้ได้ภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ เราสามารถอนุญาตให้ตัวเองเศร้าได้ ร้องไห้ได้ และเมื่อถึงเวลาที่จิตใจของเราพร้อม ค่อย ๆ ปรับตัวตามวิธีมูฟออนเราจะก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ ให้เวลาช่วยเยียวยาเรา แต่ถ้ารู้สึกว่าเมื่อเวลาผ่านไปแล้วยังไม่สามารถออกจากความเศร้าได้ แนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิกเพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติม

2. การมูฟออนเป็นวงกลมคืออะไร ?

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “มูฟออนเป็นวงกลม” จากกระแสในโซเชียล มูฟออนเป็นวงกลมคือการพยายามที่จะก้าวผ่านความเจ็บปวดหรือความผูกพันในอดีต แต่สุดท้ายก็กลับมาวนลูปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เหมือนกับการเดินวนอยู่ในวงกลมที่ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งสาเหตุของการมูฟออนเป็นวงกลมอาจเกิดจากความรู้สึกลึก ๆ ที่ยังมีความหวังว่าจะกลับไปคืนดีกันได้ ความกลัวที่จะเปิดใจรับคนใหม่หรือเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ

 

หรืออาจยังไม่เข้าใจสาเหตุที่ทำให้เลิกรากัน ยังไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น 

3. การมูฟออนควรใช้เวลานานแค่ไหน?

ไม่มีระยะเวลาที่ตายตัวสำหรับการมูฟออน เนื่องจากแต่ละคนมีความรู้สึกและวิธีการรับมือที่แตกต่างกัน บางคนอาจใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน ในขณะที่บางคนอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง สิ่งสำคัญคือการให้เวลาและพื้นที่กับตัวเองในการยอมรับและเยียวยาความรู้สึก อย่ากดดันตัวเองว่าต้องมูฟออนให้เร็วหากใจยังไม่พร้อม

ค้นหาวิธีมูฟออนที่เหมาะกับคุณ ปรึกษาจิตแพทย์ได้ที่นี่

การมูฟออนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและความอดทน การที่เรารู้สึกว่าตัวเองวนลูปอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ การขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือจิตแพทย์เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรได้เลยที่นี่

 

BeDee พบหมอเฉพาะทางเครือ BDMS ได้ทันที ไม่ต้องรอ ส่งยาทั่วไทย มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล

 

สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

 

Content powered by BeDee Expert

ธนวินท์ มีลาภอุดมชัย
นักจิตวิทยาคลินิก

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Break Ups: How to Help Yourself Move On. (2020, March 5). Psychological & Counseling Services. https://www.unh.edu/pacs/break-ups-how-help-yourself-move


10 Steps To Moving On. (n.d.). EverydayHealth.com. https://www.everydayhealth.com/emotional-health/10-steps-moving-on/


6 things to do after a breakup. (2022, April 28). Health & Wellness Services. https://www.colorado.edu/health/blog/breakup-tips

บทความที่เกี่ยวข้อง

ช่วงเวลาที่ผู้หญิงกำลังจะกลายเป็นคุณแม่ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่น่ายินดีและน่าจะมีความสุข แต่เมื่อหลังจากคลอดลูกแล้ว คุณแม่กลับมีอาการซึมลง ดูไม่มีความสุข หรือเกิดความเครียดขึ้นมา อาการเหล่านี้อาจส่งสัญญาณว่าคุณแม่กำลังมีอาการของซึมเศร้าหลังคลอด หรือที่

พูดถึงโรคซึมเศร้า เราอาจจะนึกถึงภาพถึงกลุ่มคนในช่วงอายุวัยรุ่น วัยทำงาน ที่ป่วยเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้นในช่วงหลังมานี้ แต่มีอีกกลุ่มหนึ่งที่เราอาจไม่ได้นึกถึงว่าอาจเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้าได้เช่นกันได้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ โรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุนั้นอันตรายไม่ต่