Key Takeaways ปัญหาวัยรุ่นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ครอบครัว เพื่อน การเรียน การจัดการกับปัญหาวัยรุ่นเป็นสิ่งสำคัญ วิธีที่สามารถทำได้ เช่น ปรึกษาผู้ปกครอง หรือจิตแพทย์ สารบัญบทความ ปัญหาวัยรุ่นส่วนใหญ่แล้วมักเกิดจากสาเหตุใดบ้าง? ปัญหาวัยรุ่นเกิดจากห
ความสูญเสีย แนวทางการรับมือจากภาวะโศกเศร้า
มีพบก็ต้องมีจาก… การสูญเสียบุคคลหรือสิ่งที่รัก เช่น บุคคลที่เรารัก หรือสัตว์เลี้ยง เมื่อถึงเวลาหนึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องพบเจอเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่มีสิ่งใดอยู่กับเราได้ตลอดไป แม้แต่ตัวเราเองก็ตาม แต่การสูญเสียส่งผลกระทบต่อจิตใจไม่น้อย โดยเฉพาะการสูญเสียสิ่งที่รักมาก หลายครั้งที่เราอาจไม่สามารถรับและปรับตัวกับสถานการณ์ของการสูญเสียได้ จนบางครั้งความสูญเสียก่อตัวกลายเป็นภาวะซึมเศร้าสะสมจากก่อให้เกิดโรคซึมเศร้า
การสูญเสียเป็นอย่างไร? รู้จักและเข้าใจมากขึ้น
การสูญเสีย คือ เหตุการณ์ที่เราต้องแยกจากกับสิ่งที่เคยอยู่ เคยมีมาก่อนแบบไม่มีวันหวนกลับ ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียคนรัก, การสูญเสียคนในครอบครัว, บุคคลใกล้ชิด, สัตว์เลี้ยงที่รัก หรือสิ่งของที่รัก ซึ่งการสูญเสียนี้ส่งผลให้เกิดความโศกเศร้า เสียใจ ไม่ยอมรับความจริง ทั้งหมดนี้เป็นอาการปกติทางจิตใจที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดการสูญเสีย แต่ในที่สุดเมื่อเริ่มยอมรับความสูญเสียได้ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เพียงแต่ว่าหลายคนที่ยังจมอยู่กับความสูญเสียเป็นเวลานาน และไม่ได้รับมือกับความเศร้าอย่างเหมาะสม อาจพัฒนาจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ในที่สุด
โดยอาการโศกเศร้าที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสียสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ระยะ ดังนี้
ระยะตื่นตระหนกและปฏิเสธความจริง (Shock and Denial)
เมื่อต้องเผชิญกับการสูญเสียกะทันหัน ในช่วงแรกสุดเราอาจรู้สึกช็อกและปฏิเสธความจริงที่ว่าเราจะไม่ได้พบหรืออยู่ร่วมกับคนนั้นหรือสิ่งนั้นอีกต่อไป เราอาจจะพยายามทำทุกอย่างเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งระยะนี้นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่าเป็นช่วงเวลาสำหรับเตรียมใจก่อนจะก้าวเข้าสู่ภาวะต่อไป
ระยะของความโกรธ (Anger)
เมื่อระยะช็อกหมดไปและรับรู้ว่าเราสูญเสียไปแล้ว อันดับต่อมาเราจะเริ่มเข้าสู่ระยะของความโกรธ ซึ่งเกิดขึ้นมาจาก “ความเสียใจที่เกิดจากการสูญเสีย” เราจะเริ่มโทษตัวเอง โทษคนอื่น หรือโทษปัจจัยใด ๆ ก็ตามที่ทำให้เกิดการสูญเสียขึ้น ถึงแม้ว่าสมองจะรับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถกล่าวโทษใครหรือสิ่งใดได้ แต่ในระยะนี้อารมณ์มักจะนำเหตุผลอยู่เสมอ บางคนอาจเริ่มก้าวร้าวกับคนรอบข้าง บางคนอาจเริ่มโทษตัวเองและอาจลงโทษตัวเองด้วยการทำร้ายร่างกาย ซึ่งการกระทำทุกอย่างก็เพื่อระบายความโกรธต่อการสูญเสียนั่นเอง
ระยะการเจรจาต่อรอง (Bargaining)
เมื่อเริ่มตั้งสติจากระยะความโกรธมาได้แล้วก็จะเริ่มเข้าสู่ระยะการเจรจาต่อรอง ในระยะนี้เราจะเริ่มมีความคิดกับตัวเองว่า “ถ้าไม่ทำอย่างนั้น คงไม่เป็นอย่างนี้” หรือ “ถ้าทำอย่างนี้ตั้งแต่แรก ตอนนี้คงไม่สูญเสียไป” จะพยายามคิดว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ต้องเจอกับความสูญเสียเช่นตอนนี้ ซึ่งผู้ที่อยู่ในระยะนี้จะรู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก
ระยะโศกเศร้าเสียใจ (Depression)
ระยะโศกเศร้าเสียใจ เป็นระยะที่เราเริ่มอยู่กับปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่สามารถยอมรับกับการสูญเสียได้ทั้งหมด ในระยะนี้การตอบสนองอารมณ์เชิงลบจะมีความรุนแรงต่อผู้อื่นน้อยมาก แต่จะเป็นช่วงที่มีอารมณ์ด้านลบกับตัวเองมากที่สุด เราจะรู้สึกโศกเศร้า ไม่มีแรง เริ่มปลีกวิเวก ไม่อยากอาหาร หากรุนแรงอาจเริ่มมีความคิดอยากจบชีวิตตัวเองเพื่อหยุดความรู้สึกต่อความสูญเสียนั้นเสียที ในระยะนี้หากเริ่มมีความคิดเชิงลบรุนแรง ควรรีบเข้าพบจิตแพทย์โดยเร็ว
ระยะของการยอมรับ (Acceptance)
หากเราผ่านพ้นระยะโศกเศร้าเสียใจมาได้ ก็จะก้าวเข้าสู่ระยะของการยอมรับกับความสูญเสีย สามารถเข้าใจและทำใจได้ว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้วไม่มีวันย้อนกลับ และค่อย ๆ กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง
ทั้ง 5 ระยะดังกล่าวเป็นอาการที่เกิดตามกลไกทางจิตใจ ในบางรายอาจเกิดทุกระยะในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ในบางรายอาจจมอยู่กับระยะใดระยะหนึ่ง ไม่สามารถก้าวต่อไปถึงระยะการยอมรับและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ และในขณะที่บางรายอาจไม่มีอาการตามระยะเหล่านี้เมื่อมีอาการโศกเศร้าก็เป็นได้
รับมือกับสูญเสียไม่ได้ มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่าปล่อยไว้ รีบปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาออนไลน์ด่วน
ผู้ที่เผชิญกับความสูญเสียมีอาการอย่างไร
อาการที่พบได้บ่อยเมื่อเกิดการสูญเสีย
- โศกเศร้า เสียใจ
- ไม่อยากเข้าสังคม
- เบื่ออาหาร
- นอนไม่หลับ
- อารมณ์ไม่คงที่
- ไม่ยอมรับการสูญเสีย ในบางรายอาจพยายามปฏิบัติตนเสมือนว่ายังไม่เกิดการสูญเสียขึ้น
- อาจมีความคิดอยากตายตามบุคคลที่รัก
อาการโศกเศร้าจากการสูญเสียนั้นอาจมีความรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน โดยอาจมีปัจจัยของความสัมพันธ์กับสิ่งที่สูญเสีย ระยะการเตรียมใจ สาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสีย ยิ่งหากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก มีการจากลาแบบกะทันหัน หรือมีสาเหตุการสูญเสียที่รุนแรง ก็อาจทำให้ผู้ที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียนี้ได้รับผลกระทบทางจิตใจมาก
อาการโศกเศร้าจากสูญเสียแบบใดที่ควรพบจิตแพทย์
อาการโศกเศร้าจากการสูญเสียเป็นอาการที่สามารถรับมือและกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้เองเมื่อเวลาผ่านไป เช่นเดียวกับที่กล่าวไว้ว่า ‘เวลาจะช่วยเยียวยาหัวใจ’ แต่หลายคนไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วก็ตาม หากคุณมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้เข้าพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาและวางแผนรับมือกับความเศร้าโดยแพทย์ ดังนี้
- เศร้าโศกจนไม่สามารถออกไปพบปะผู้คนได้ตามปกติ
- ความเศร้าเริ่มส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน ไม่สามารถทำงานได้ หรือทำงานได้แย่ลง
- มีอารมณ์ก้าวร้าว โทษตัวเองหรือโทษเหตุการณ์หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสีย
- ไม่มีความหวังในการใช้ชีวิต
- เริ่มมีความคิดอยากตายตามสิ่งที่สูญเสียไป
- รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่
- มีการวางแผน พยายามทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
มีอาการข้างต้นรีบปรึกษาจิตแพทย์ที่แอป BeDee ด่วน สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องลางาน
วิธีรับมือกับอาการโศกเศร้าจากความสูญเสียทำอย่างไร
ปกติแล้วแต่ละคนจะมีวิธีการรับมือกับความโศกเศร้าเมื่อเกิดการสูญเสียที่แตกต่างกัน แต่สำหรับใครที่รู้สึกถึงทางตัน ไม่สามารถหลุดพ้นกับความเศร้าได้ ทาง BeDee เรามีวิธีรับมือกับความโศกเศร้าที่ช่วยให้เราสามารถก้าวพ้นจากความสูญเสียไปได้ง่ายขึ้น ดังนี้
- ระบายความรู้สึกของตนเอง : หลายคนที่พยายามจะเข้มแข็งและเก็บความเศร้าไว้ในใจ ซึ่งการกระทำนี้ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะอารมณ์เศร้า เสียใจเมื่อเกิดความสูญเสียเป็นเรื่องปกติ และเมื่อได้ปลดปล่อยออกไปบ้างก็จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น กลับกันหากเก็บกดเอาไว้ไม่ระบาย สะสมนาน ๆ เข้าอาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรงกว่าเดิมได้
เราสามารถระบายความรู้สึกออกได้หลายรูปแบบ เช่น การพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ หรือกับใครก็ได้ที่สามารถรับฟังได้โดยไม่ตัดสินเรา หรืออาจระบายความรู้สึกด้วยการเขียนบันทึก ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถระบายความรู้สึกได้ดี
- เผชิญหน้ากับความจริง : ในช่วงแรก ๆ เราสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้อารมณ์ดิ่งลงได้ แต่เมื่อผ่านไปสักระยะเราควรจะกลับมาเผชิญกับความจริงที่ว่า การสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว จะไม่มีวันกลับคืน การหนีปัญหาไปทุกครั้งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่การเผชิญหน้ากับความจริงและยอมรับจะทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้
- ดูแลสภาพจิตใจด้วยการหาความสุข : การเผชิญหน้ากับความจริงเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่เราต้องรักษาใจตัวเองด้วยการพักใจอยู่กับสิ่งที่ทำให้มีความสุข เช่น การอยู่กับสัตว์เลี้ยง การทำกิจกรรมผ่อนคลาย อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว หรือจะดูซีรีส์ที่ชื่นชอบก็ได้เช่นกัน
- พบจิตแพทย์ : การพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย หลายคนคิดว่าการพบจิตแพทย์จะต้องเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ความเป็นจริงแล้วเมื่อเรามีความรู้สึกเชิงลบมากจนไม่สามารถจัดการได้ด้วยตนเองก็สามารถปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาได้
การรักษาภาวะสูญเสียในทางการแพทย์
เมื่อเราไม่สามารถรับมือกับความเศร้าได้ด้วยตนเอง ในทางการแพทย์มีวิธีการรับมือความเศร้าจากการสูญเสียโดยจิตแพทย์ ซึ่งวิธีการรักษามีทั้งในรูปแบบจิตบำบัด และ/หรือการใช้ยารักษา
ในขั้นต้นแพทย์จะคอยพูดคุยกับเราและประเมินความรุนแรงของอาการเศร้าว่า มีอาการเศร้าจากความสูญเสียรุนแรงแค่ไหน และมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยหรือไม่? หากมีอาการของโรคซึมเศร้าด้วยแพทย์อาจพิจารณาใช้ยาต้านเศร้าร่วมกับจิตบำบัด แต่หากมีอาการไม่รุนแรงมากก็มักจะเน้นจิตบำบัดเป็นหลัก และสำหรับผู้ที่มีอาการทางกายร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ หรือเป็นโรคกระเพาะจากความเครียด รับประทานอาหารไม่ลง ก็จะจ่ายยาเพื่อรักษาอาการดังกล่าวควบคู่ไปด้วย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการสูญเสีย
1. เราควรบอกหรือดูแลคนที่สูญเสียอย่างไร?
สำหรับผู้ที่มีบุคคลใกล้ตัวที่กำลังเผชิญกับความสูญเสีย เราสามารถรับฟังด้วยความเข้าใจ ไม่แสดงความเห็น หรือวิพากษ์วิจารณ์หรือตัดสินใด ๆ และคอยอยู่ข้าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญกับความสูญเสียไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
2. ความโศกเศร้าจากการสูญเสียกับโรคซึมเศร้าต่างกันอย่างไร?
ความโศกเศร้าจากการสูญเสียเป็นอาการตอบสนองปกติเมื่อเกิดการสูญเสียสิ่งที่รักไป แต่โรคซึมเศร้าเป็นความผิดปกติทางจิตที่เกิดจากสารสื่อประสาทในสมองทำงานผิดปกติ ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น สภาพแวดล้อม การเผชิญกับการสูญเสีย การเกิดเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจรุนแรง
เมื่อเข้าพบจิตแพทย์ด้วยอาการโศกเศร้า จิตแพทย์จะต้องวินิจฉัยแยกโรคซึมเศร้ากับอาการโศกเศร้าเสียก่อนโดยการใช้เกณฑ์ตามคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต (DSM-4) จึงจะสามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
3. ความโศกเศร้าจากการสูญเสียจะอยู่กับเราไปนานแค่ไหน?
American Psychological Association (APA) ได้ระบุไว้เกี่ยวกับระยะเวลาของความโศกเศร้าว่ามักจะคงอยู่ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งความเศร้าจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่แท้จริงแล้วความโศกเศร้านั้นไม่ได้มีระยะเวลาที่แน่นอน บางคนอาจรู้สึกเศร้าเพียงไม่นาน หรือบางคนอาจรู้สึกเศร้านานเป็นปี อย่างไรก็ตามหากความเศร้าที่ต้องเผชิญหนักหนาจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แนะนำให้เข้าพบจิตแพทย์เพื่อรับการรักษาจะดีที่สุด
สรุป การสูญเสีย… รับมือได้
การสูญเสียเป็นกฎของธรรมชาติที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดได้ ดังนั้นการรับรู้และเข้าใจเรื่องการสูญเสียได้จะช่วยให้เราสามารถรับมือกับความเศร้าและใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น แต่หากเรามีความเศร้าที่มากจนรับมือด้วยตัวเองไม่ไหว สามารถปรึกษากับจิตแพทย์ได้
ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เรามีจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก และเภสัชกรพร้อมให้คำปรึกษาและจัดส่งสินค้าถึงมือ เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS
Content powered by BeDee Expert
สิธยา อนุสนธิ์
นักจิตวิทยาคลินิก
APA Offers Tips for Understanding Prolonged Grief Disorder. (2021, September 22). American Psychiatric Association. https://www.psychiatry.org/news-room/news-releases/apa-offers-tips-for-understanding-prolonged-grief
Cleveland Clinic medical professional. (2023, February 22). Grief. Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/24787-grief
Oates, JR. Maani-Fogelman, PA. (2023). Nursing Grief and Loss. In: StatPearls [Internet]. Treasure Island (FL): StatPearls Publishing. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK518989/