ปอดอักเสบ

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

Key Takeaways

 

  • ปอดอักเสบคือภาวะที่เนื้อปอดเกิดการอักเสบ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา
  • อาการที่พบได้บ่อย เช่น มีไข้สูง ไอ บางรายอาจมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอกเมื่อหายใจเข้าลึก ๆหายใจลำบาก หายใจเร็ว หอบ 
  • วิธีรักษาคือการใช้ยาต้านเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อรา และยารักษาตามอาการ
สารบัญบทความ

รู้จักโรคปอดอักเสบ (Pneumonia) คืออะไร ?

โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) หรือที่หลายคนเรียกว่าโรค “ปอดบวม” คือภาวะที่เนื้อปอดเกิดการอักเสบ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อ เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือเชื้อรา เมื่อปอดอักเสบ ถุงลมในปอดจะบวมและเต็มไปด้วยหนองหรือของเหลว ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ทำงานได้ไม่ดี ส่งผลให้ร่างกายขาดออกซิเจนและเกิดอาการต่าง ๆ ตามมา 


BeDee Tips: หลอดลมอักเสบ อาการและวิธีรักษา อ่านเพิ่มเติมเลย

สาเหตุการเกิดโรคปอดอักเสบมีอะไรบ้าง ?

ปอดอักเสบ กี่วันหาย

โรคปอดอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกันขึ้นอยู่กับเชื้อที่ได้รับและภูมิคุ้มกันของร่างกายแต่ละบุคคล สามารถแบ่งตามสาเหตุของการเกิดโรคได้ดังนี้

ปอดอักเสบจากการติดเชื้อ

ปอดอักเสบที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อมักเกิดจาก

 

  • เชื้อไวรัส เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus), RSV (Respiratory Syncytial Virus) โดยเฉพาะในเด็ก 
  • เชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococcus Pneumoniae, Haemophilus Influenzae 
  • เชื้อรา เช่น Pneumocystis Jirovecii พบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรคเอชไอวี (HIV)

ปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ

กรณีที่ผู้ป่วยมีโรคปอดอักเสบแต่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อนั้น กรณีนี้อาจเกิดจากการสูดดมสารเคมีบางชนิด เช่น ฝุ่น PM 2.5 ควัน หรือสารพิษ ซึ่งทำให้ปอดระคายเคืองและอักเสบ หรือการฉายรังสีรักษาบริเวณทรวงอก รวมถึงการทานยาบางชนิดที่อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้และนำไปสู่การอักเสบของปอด

ปอดอักเสบจากภูมิต้านทานต่ำ

ปอดอักเสบจากภูมิต้านทานต่ำเป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอดในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปอดอักเสบ

นอกจากสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบแล้ว เราควรคำนึงถึงปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดโรคได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ซึ่งมีดังนี้

  • อายุ กลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป
  • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เบาหวาน โรคหัวใจ 
  • ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรคเอชไอวี ผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด
  • ผู้ที่สูบบุหรี่เพราะทำให้ระบบทางเดินหายใจอ่อนแอ
  • ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ภูมิต้านทานลดลง

อาการปอดอักเสบมีอะไรบ้าง 

ปอดอักเสบอาการที่พบได้นั้นมีหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งคล้ายกับอาการของโรคไข้หวัด หากผู้ป่วยพบว่ามีอาการดังต่อไปนี้ควรรีบปรึกษาแพทย์

  • มีไข้สูง
  • ไอ บางรายอาจมีเสมหะปนเลือด
  • เจ็บหน้าอกเมื่อหายใจเข้าลึก ๆ
  • หายใจลำบาก หายใจเร็ว หอบ
  • เหนื่อยง่าย
  • อ่อนเพลีย
  • เบื่ออาหาร
  • เหงื่อออกมาก

วิธีการตรวจวินิจฉัยโรคปอดอักเสบทำอย่างไรบ้าง

ปอดอักเสบ ติดต่อไหม

การตรวจวินิจฉัยโรคปอดอักเสบแพทย์จะเริ่มต้นจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย ประวัติการสัมผัสโรค เช่น มีสมาชิกในบ้านป่วยเป็นโรคปอดอักเสบหรือไม่ จากนั้นแพทย์จะส่งเอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-ray) เพื่อดูการอักเสบหรือบริเวณที่ติดเชื้อในปอด การกระจายของเชื้อ และอาจมีการตรวจวัดปริมาณเม็ดเลือดขาว ตรวจเสมหะ หรืออาจทำ CT Scan ในกรณีที่การเอกซเรย์ปอดไม่สามารถบอกข้อมูลที่ชัดเจน หรือสงสัยโรคที่ซับซ้อน

วิธีรักษาโรคปอดอักเสบ 

ปอดอักเสบรักษายังไง วิธีการรักษานั้นจำเป็นต้องพิจารณาว่าตัวโรคนั้นเกิดจากการรับเชื้อประเภทใดรวมถึงการดูแลตามอาการ เบื้องต้นโรคปอดอักเสบมีวิธีรักษาได้ดังนี้

 

  • ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ใช้ในกรณีที่ปอดติดเชื้อแบคทีเรีย 
  • ยาต้านไวรัส (Antiviral Drugs) ใช้ในกรณีที่ติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) หรือ RSV
  • ยาต้านเชื้อรา (Antifungal drugs) ใช้ในกรณีที่ตัวโรคเกิดจากการติดเชื้อรา เช่น เชื้อ Pneumocystis Jirovecii
  • ยาลดไข้และยาแก้ปวด ตามอาการ
  • ยาขยายหลอดลม หากมีอาการหอบเหนื่อย หายใจเสียงวี้ด

 

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง หายใจลำบาก หลอดลมตีบ ออกซิเจนในเลือดต่ำ อาจจำเป็นต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและดูอาการที่โรงพยาบาล

 

 

ปรึกษาหมอออนไลน์ ที่แอป BeDee ได้ทุกวัน สะดวก เป็นส่วนตัว 

ส่งยาถึงที่ ไม่มีค่าจัดส่ง

การป้องกันโรคปอดอักเสบ 

โรคปอดอักเสบนั้นสามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวมให้แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันเพื่อที่จะต่อสู้กับเชื้อโรค โดยสามารถปฏิบัติได้ดังนี้

 

  • ฉีดวัคซีนปอดอักเสบช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจากแบคทีเรียบางชนิดได้
  • ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
  • หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด
  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่ ๆ มีคนหนาแน่น

วิธีปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการรับเชื้อปอดอักเสบ

ปอดอักเสบ รักษาหายไหม

วิธีหลีกเลี่ยงการรับเชื้อปอดอักเสบคือการรักษาความสะอาดและสุขอนามัยเช่นเดียวกับโรคติดต่อทางเดินหายใจอื่น ๆ โดยวิธีที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

 

  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และหรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนรับประทานอาหาร 
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
  • หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ร่วมกับผู้ป่วย
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีนที่มีคุณภาพ
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7-8 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
  • สวมหน้ากากอนามัยในที่ ๆ มีฝุ่นหรือมลภาวะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปอดอักเสบ

1. โรคปอดอักเสบ หายเองได้ไหม?

อาการปอดอักเสบจะหายเองได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอาการ ความรุนแรง และร่างกายของแต่ละบุคคล เมื่อมีอาการไม่สบายหรือสงสัยโรคนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล ไม่ควรปล่อยไว้

2. ผู้ที่มีปอดอักเสบ ห้ามกินอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปแล้วควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เพื่อเสริมสร้างร่างกายและภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวานจัด เค็มจัด อาหารทอด อาหารแปรรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน แต่กรณีมีอาหารหอบเหนื่อยมากจนต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลอาจจำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหารเนื่องจากการรับประทานอาหารขณะหายใจเร็วจะทำให้ผู้ป่วยสำลักได้

3. ปอดอักเสบกับวัณโรคต่างกันอย่างไร?

ปกติแล้ว วัณโรค (Tuberculosis หรือ TB) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium Tuberculosis มักส่งผลต่อปอดมากกว่าอวัยวะอื่น ๆ ทำให้เกิดวัณโรคปอด ติดต่อผ่านการสูดเอาละอองฝอยจากการไอและจามของผู้ติดเชื้อ อาการที่มักพบ เช่น ไอเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ บางรายอาจไอมีเสมหะปนเลือด มีไข้ต่ำในตอนเย็น เหงื่อออกมากตอนกลางคืน น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ

 

ในขณะที่โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) คือภาวะที่เนื้อปอดเกิดการอักเสบ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อเช่น

 

  • เชื้อไวรัส เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus), RSV (Respiratory Syncytial Virus) โดยเฉพาะในเด็ก 
  • เชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococcus Pneumoniae, Haemophilus Influenzae 
  • เชื้อรา เช่น Pneumocystis Jirovecii 

 

ผู้ป่วยมักมีอาการ ไข้สูง ไอ เจ็บหน้าอกเมื่อหายใจเข้าลึก ๆ หายใจลำบาก หายใจเร็ว หอบ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย

ปอดอักเสบไม่ควรปล่อยไว้ ปรึกษาแพทย์ได้เลยที่นี่

โรคปอดอักเสบนั้นเป็นโรคทางเดินหายใจที่ก่อให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีมลภาวะในอากาศสูงทำให้ยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเกิดโรค ควรดูแลร่างกายให้แข็งแรงเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ แต่หากมีอาการไม่สบาย ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรได้เลยที่นี่

 

BeDee พบหมอเฉพาะทางเครือ BDMS ได้ทันที ไม่ต้องรอ ส่งยาทั่วไทย มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล

 

สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

 

Content powered by BeDee Expert

พญ. ไอริณ จริยะโยธิน
อายุรแพทย์

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Seeger, A., & Rohde, G. (2023). Ambulant erworbene Pneumonie. DMW – Deutsche Medizinische Wochenschrift, 148(06), 335–341. https://doi.org/10.1055/a-1940-8944

 

Cunha, B. A. (2001). Pneumonia in the Elderly. Clinical Microbiology and Infection, 7(11), 581–588. https://doi.org/10.1046/j.1198-743x.2001.00328.x

 

Skřičková, J. (2018). [Pneumonia in immunocompromised persons]. Vnitrni Lekarstvi, 63(11), 786–795. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/29303280/

บทความที่เกี่ยวข้อง

Key Takeaway   น้ํามูกสีเขียว คืออาการติดเชื้อในโพรงจมูกที่รุนแรงขึ้น น้ํามูกสีแดงแสดงถึงอาการเส้นเลือดในโพรงจมูกแตกจากการสั่งน้ำมูกแรง ๆ อาการบาดเจ็บบริเวณจมูก โรคภูมิแพ้ หรือโรคหลอดเลือดอื่น ๆ เช่น ริดสีดวงจมูก หรือเนื้องอกภายในโพรงจมูก หากพบว่าเป็

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง Key Takeaways วัณโรคต่อมน้ำเหลืองเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งเป