เสาร์อาทิตย์ทีไรก็อยากจะนอนยาว ๆ ทั้งวัน ไม่อยากลุกขึ้นมาทำอะไรแล้ว รู้สึกว่านอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ นอนเยอะแต่ยังง่วง รู้หรือไม่ว่าคุณอาจกำลังเป็น “โรคนอนเยอะเกินไป” แม้เราจะคิดว่าการนอนหลับนั้นเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เมื่อไหร่ที่เจอเรื่องเครียด เหนื่อ
อย่ามองข้าม “โรคเครียด” ภัยเงียบคนทำงาน
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ต้องเผชิญกับความเครียดในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเครียดเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว เรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันอย่างการตื่นนอน เดินทางไปทำงาน เจอปัญหารถติด ก็ทำให้เกิดความเครียดได้แล้ว แต่ระดับความเครียดมากแค่ไหนถึงจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “โรคเครียด” แล้วเราควรจะรับมือกับโรคนี้ได้อย่างไร มาทำความเข้าใจกันเลย
โรคเครียด คือ
โรคเครียด หรือ Adjustment Disorder คือ สภาวะที่เราเผชิญกับสถานการณ์หรือสิ่งที่เข้ามากดดัน คุกคามต่อร่างกายและจิตใจ เกิดความทุกข์ ความกดดัน ไม่สบายใจ ขับข้องใจ ยากต่อการรับมือและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนไม่หลับ อารมณ์เศร้าหมอง ไม่สดใส ปวดศีรษะ ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ แต่ละคนมีการรับมือกับความเครียดไม่เหมือนกัน บางคนอาจจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่บางคนอาจจะไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ หรือยากต่อการจัดการจนเกิดเป็นความเครียดขึ้น
เมื่อเกิดความเครียดขึ้นร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด 2 ชนิดที่เรียกว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอลและฮอร์โมนอะดรีนาลีนออกมา โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยมักมีอาการเครียดไม่เกิน 6 เดือน และสามารถหายเป็นปกติได้
ระดับความเครียด
ระดับความเครียดที่สามารถนำไปสู่โรคเครียดได้มีทั้งหมด 3 ระดับ ได้แก่
1. Acute Stress
คือความเครียดที่เกิดขึ้นทันทีระยะสั้น เช่น อากาศร้อน ตกใจ กลัว หิว เป็นต้น ซึ่งความเครียดในลักษณะนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วร่างกายจะตอบสนองทันทีโดยการหลั่งฮอร์โมนความเครียด เมื่อความเครียด ความกังวลดังกล่าวนี้หมดไป ร่างกายจะกลับสู่สภาวะปกติ
2. Episodic Acute Stress
คือความเครียดที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันหลายครั้ง หลายเรื่อง เช่น มีปัญหาสุขภาพ หลังจากนั้นทะเลาะกับครอบครัว มีปัญหาเรื่องงาน
3. Chronic Stress
คือความเครียด ความกังวลที่เกิดขึ้นยาวนานต่อเนื่องกันจนกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจระยะยาว
ทำแบบประเมินความเครียดกับพยาบาลที่แอป BeDee ไม่มีค่าใช้จ่าย
สาเหตุของโรคเครียด
โรคเครียดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยหลัก ๆ ได้ดังนี้
- ปัจจัยภายใน เช่น ความเครียดจากการเจ็บป่วยของร่างกาย โรคภัยต่าง ๆ รวมถึงโรคทางจิตเวช เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า หรือปัญหาจากความบกพร่องของสารเคมีในสมอง ความเหนื่อยล้า พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียดที่เกิดขึ้นจากการทำงาน การเรียน รายได้ ปัญหาทางการเงิน หนี้สิน การใช้ชีวิตประจำวัน ปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทะเลาะกับคนในครอบครัวหรือแฟน ปัญหาการเมือง สังคม ความปลอดภัยในชีวิต การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักหรือสัตว์เลี้ยง
อาการของโรคเครียด
อาการโรคเครียดโดยทั่วไปมีดังนี้
อาการโรคเครียดสะสม
- อารมณ์เปลี่ยนแปลง เช่น หม่นหมอง ไม่สดใสร่าเริง ไม่มีความสุข หรืออาจหงุดหงิดง่ายขึ้น
- แยกตัวออกจากสังคมหรือคนรอบข้าง
- เห็นภาพเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกเครียดหรือสะเทือนใจเกิดขึ้นซ้ำ ๆ
- ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตึงตามตัว ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
- ไม่มีสมาธิหรือสมาธิสั้น วอกแวกง่าย
- หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น เหงื่อออกที่ฝ่ามือ มือเท้าเย็น หายใจไม่สุด และเจ็บหน้าอก
- ปวดท้อง หรือรู้สึกไม่สบายท้อง กรดไหลย้อน กรดในกระเพาะอาหาร ท้องอืด ท้องร่วง หรือท้องผูก
- มีปัญหาการนอนหลับ
- รับประทานอาหารมากขึ้นหรือน้อยลงกว่าปกติ
เครียดแค่ไหนจึงควรปรึกษาแพทย์
หากรู้สึกว่าความเครียดที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เกิดความเจ็บป่วยต่อร่างกาย นอนไม่หลับ หรืออาการที่ส่งผลกระทบอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์ทันทีเพื่อจัดการกับความเครียดและโรคเครียดที่เกิดขึ้นทั้งการรักษาด้วยการใช้ยา การพูดคุยเพื่อปรับความคิด รวมถึงป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา
ปรึกษาเรื่องความเครียดกับจิตแพทย์และนักจิตวิทยาที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่มีค่าใช้จ่าย
การวินิจฉัยโรคเครียด
สำหรับการวินิจฉันโรคเครียดนั้น แพทย์จะพูดคุยสอบถามอาการที่เกิดขึ้นและสถานการณ์ที่เป็นสาเหตุของความเครียดเพื่อเข้าใจที่มาของโรคและเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง โดยโรคเครียดหรือโรคปรับตัวผิดปกติ (Adjustment Disorder) จะวินิจฉัยเมื่อผู้ป่วยมีความผิดปกติทางอารมณ์หรือพฤติกรรม เช่น เศร้า วิตกกังวล ก้าวร้าวรุนแรง เกิดขึ้นภายใน 3 เดือนหลังพบเจอกับสิ่งกระตุ้นหรือปัญหาที่ทำให้เครียด
เมื่อสิ่งกระตุ้นดังกล่าวหายไปอาการจะคงอยู่ไม่เกิน 6 เดือน ความผิดปกติดังกล่าวส่งผลให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างมากในจิตใจ หรือส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ทั้งการทำงานหรือการเข้าสังคม นอกจากนี้อาการดังกล่าวจะต้องไม่เข้าเกณฑ์วินิจฉัยโรคทางจิตเวชอื่น เช่น โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้ว และโรควิตกกังวล
การรักษาโรคเครียด
การรักษาโรคเครียดโดยหลักคือ การรักษาโดยไม่ใช้ยา เช่น การทำจิตบำบัด (Psychotherapy) เพื่อเข้าใจที่มาของอาการ เข้าใจความหมายของสิ่งกระตุ้น นำไปสู่การเข้าใจตัวเอง มีการจัดการอารมณ์และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ตนเองดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการบำบัดระยะสั้นที่เรียกว่า การจัดการภาวะวิกฤต (Crisis Intervention) เพื่อแก้ปัญหาเมื่อเกิดวิกฤติทางอารมณ์เพื่อให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้ในที่สุด
สำหรับการการรักษาโรคเครียดด้วยยา แพทย์อาจพิจารณาให้ยาผู้ป่วยในระยะเวลาสั้น ๆ ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ ยาที่มักจะใช้ในภาวะนี้คือ ยาคลายกังวล เช่น ยากลุ่ม Benzodiazepines บางรายอาจได้ยา SSRI ร่วมด้วย
เป็นโรคเครียด ดูแลตนเองอย่างไร
การดูแลตนเองเมื่อมีความเครียด สามารถจัดการได้ด้วยวิธีจัดการความเครียด ที่ทำได้ไม่ยากดังนี้
- ผ่อนคลายตัวเองด้วยการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือการฝึกลมหายใจเพื่อผ่อนคลาย
- พักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการไปเที่ยว ชื่นชมธรรมชาติ ออกไปเจอสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ
- มองโลกในแง่บวก พยายามคิดว่าปัญหานั้นสามารถแก้ไขได้
- พบปะ พูดคุยกับเพื่อน คนในครอบครัว หลายครั้งการระบายปัญหาที่เราเผชิญอยู่ให้กับคนรอบข้างฟัง ช่วยให้รู้สึกโล่งใจและยังได้ไอเดียใหม่ ๆ ที่เราอาจคิดไม่ถึงในการแก้ปัญหาอีกด้วย
ป้องกันโรคเครียดอย่างไร
หากต้องการป้องกันไม่ให้เป็นโรคเครียด สามารถทำตามข้อแนะนำได้ดังนี้
- เมื่อเจอเรื่องเครียดมาก ไม่สบายใจ รู้สึกกระทบต่อร่างกายหรือชีวิตประจำวันควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
- ฝึกให้เวลาผ่อนคลายตัวเอง เช่น แบ่งเวลาเพื่อทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ ฝึกกำหนดลมหายใจ
- มองในแง่บวก ฝึกให้ตัวเองมีสติและมองในแง่บวก และเชื่อว่าเราจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยการมีสติ อย่าตกใจกลัวปัญหาที่เข้ามา
สรุปเรื่องโรคเครียด
ความเครียดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อความเครียดนั้นมีระดับรุนแรงขึ้น หรือเกิดขึ้นยาวนานเรื้อรัง จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางรับมือ และป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนจากโรคเครียดตามมา BeDee พร้อมให้คำปรึกษาโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกวัน
Content powered by BeDee Expert
พญ.อธิชา วัฒนาอุดมชัย
จิตแพทย์
เรียบเรียงโดย
กรวรรณ ใจซื่อกุล
- Kaplan HI, Sadock BJ. (2015). Synopsis of psychiatry. 11th ed. Lippincott Williams & Wilkins Publishers. p448.
- American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and statistical manual of mental disorders. 5th ed. Washington, DC: American Psychiatric Association. P286-289 .
รักษาโรคเครียดที่ไหนดี
เมื่อเกิดความเครียดต้องรีบรักษาเพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้ จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก BeDee พร้อมช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทุกวัน เพียงทำนัดหมายล่วงหน้าตามเวลาที่คุณสะดวก สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ Line Official : @BeDeebyBDMS