วัณโรคต่อมน้ำเหลือง

Disclaimer: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถทดแทนการให้คำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยาทุกครั้ง

Key Takeaways

  • วัณโรคต่อมน้ำเหลืองเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกันกับที่ทำให้เกิดวัณโรคปอด 
  • มักพบวัณโรคที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ หรือ รักแร้ ขาหนีบ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณเหล่านี้สามารถโตขึ้น หรืออาจมีหนองไหลออกมา
  • วัณโรคต่อมน้ำเหลืองติดต่อได้ยากกว่าวัณโรคปอด ยกเว้นกรณีผู้ป่วยมีอาการวัณโรคปอดร่วมด้วย หรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิดสัมผัสบาดแผลของผู้ป่วยโดยตรง
สารบัญบทความ

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองคืออะไร?

วัณโรคต่อมน้ำเหลือง (Tuberculous Lymphadenitis) คือวัณโรครูปแบบหนึ่งที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งมักทำให้เกิดการติดเชื้อวัณโรคที่ปอดเป็นหลัก ในขณะที่วัณโรคต่อมน้ำเหลืองเกิดจากการที่เชื้อแพร่กระจายมาที่ต่อมน้ำเหลือง มักพบวัณโรคที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ (Cervical Lymph Nodes) ส่วนบริเวณอื่นที่สามารถพบได้เช่นกัน ได้แก่ รักแร้ (Axillary Lymph Nodes) หรือขาหนีบ (Groin Lymph Nodes)

 

BeDee Tips: รู้จักวัณโรคเทียม (NTM) แม้อาการใกล้เคียงแต่ไม่ใช่วัณโรค (TB)

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองเกิดจากอะไร ?

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองเกิดจาก

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับที่ทำให้เกิดวัณโรคปอด สาเหตุที่มักทำให้ผู้ป่วยได้รับเชื้อมีดังนี้

  • การแพร่กระจายของเชื้อวัณโรค

ผู้ป่วยได้รับเชื้อวัณโรคผ่านทางละอองฝอยในอากาศ (Droplet Nuclei) และเชื้อได้แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบน้ำเหลือง 

  • ภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ

ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคมากกว่าคนทั่วไป

  • การสัมผัสกับผู้ป่วยวัณโรค

การอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีเชื้อวัณโรคอาจทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายและแพร่ไปยังต่อมน้ำเหลือง

  • การติดเชื้อแฝงที่กำเริบ

กรณีที่ผู้ที่เคยติดเชื้อวัณโรคแฝง (Latent TB infection) มาก่อน เชื้ออาจไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่เมื่อภูมิคุ้มกันลดลงเชื้ออาจกำเริบและแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง

  • ไม่เคยได้รับวัคซีน BCG

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองอาการเป็นอย่างไร?

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองมักมีอาการเด่นชัดในส่วนของต่อมน้ำเหลืองและยังมีอาการร่วมอื่น ๆ ที่อาจพบได้ด้วย เช่น 

  • ต่อมน้ำเหลืองบวมโต มักพบบริเวณคอ
  • ต่อมน้ำเหลืองโตหลายก้อน มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง
  • กรณีที่อาการรุนแรงขึ้น ต่อมน้ำเหลืองอาจนุ่มลงและมีหนองอยู่ภายในจนแตกออกจนเกิดเป็นฝี
  • มีไข้ต่ำในตอนเย็น
  • เหงื่อออกมากตอนกลางคืน
  • น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
  • อ่อนเพลีย 
  • เบื่ออาหาร

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองมีวิธีวินิจฉัยอย่างไร? 

วิธีตรวจวัณโรคต่อมน้ำเหลืองนั้นสามารถทำร่วมกันได้หลายวิธี โดยวิธีทั่วไปที่แพทย์มักใช้ในการวินิจฉัยดังต่อไปนี้

  • การซักประวัติ เช่น มีการสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรคหรือเดินทางไปพื้นที่ระบาดหรือไม่ มีการอาการ เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต น้ำหนักลด ไข้ต่ำ ๆ หรือเหงื่อออกกลางคืน
  • ตรวจร่างกายบริเวณที่ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น คอ รักแร้ หรือขาหนีบ
  • การเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy) เพื่อตรวจหาเชื้อ Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดวัณโรค
  • เอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-ray) เพื่อดูว่ามีเชื้อวัณโรคในปอดร่วมด้วยหรือไม่ 
  • ตรวจเลือด

วิธีรักษาวัณโรคต่อมน้ำเหลือง

วิธีรักษาวัณโรคในปัจจุบันนั้นจะใช้การรักษาด้วยยาเป็นหลัก ซึ่งการรักษาวัณโรคต่อมน้ำเหลืองนั้นใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ยารักษาวัณโรคที่นิยมใช้ เช่น Isoniazid (INH), Rifampicin (RIF), Pyrazinamide (PZA) และ Ethambutol (EMB)

 

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีต่อมน้ำเหลืองที่โตมาก มีอาการรุนแรงแพทย์อาจรักษาด้วยการเจาะเอาหนองบริเวณต่อมน้ำเหลืองออกร่วมด้วย

 

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองรักษาอย่างไร? ปรึกษาคุณคุณหมอที่แอป BeDee ได้ทุกวัน สะดวก ส่งยาถึงที่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการวัณโรคต่อมน้ำเหลือง

1. วัณโรคต่อมน้ำเหลืองอันตรายไหม?

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองสามารถรักษาได้และมักไม่ถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตหากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาหรือได้รับการรักษาอย่างไม่เหมาะสมเชื้อวัณโรคอาจแพร่กระจายจากต่อมน้ำเหลืองไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ เช่น ปอด กระดูก สมอง หากเชื้อวัณโรคแพร่ไปยังสมองอาจทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากวัณโรค (Tuberculous Meningitis) ซึ่งอันตรายถึงชีวิต

2. วัณโรคต่อมน้ำเหลืองติดต่อหรือไม่?

วัณโรคต่อมน้ำเหลืองติดต่อได้ยากต่างจากวัณโรคปอดที่เชื้อมักกระจายผ่านการไอ จาม กรณีที่อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น ผู้ป่วยวัณโรคต่อมน้ำเหลืองมีเชื้อวัณโรคที่ปอดร่วมด้วย ทำให้สามารถแพร่กระจายเชื้อในทางเดินหายใจ ผ่านการไอ จาม หรือพูด หรือการสัมผัสของเหลวจากฝีหรือหนองของผู้ป่วย ผู้ที่สัมผัสบาดแผลหรือฝีหนองของผู้ป่วยโดยตรงอาจมีความเสี่ยงต่อการติดโรคได้

วัณโรคต่อมน้ำเหลือง 

หากพบว่ามีอาการต่อมน้ำเหลืองโตขึ้นเรื่อย ๆ มีแผลหรือฝีที่มีหนองไหลออกมา มีไข้สูง น้ำหนักลดอย่างรวดเร็วและผิดปกติ อย่าปล่อยไว้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที 

 

ปรึกษาหมอออนไลน์ นักกำหนดอาหาร พยาบาล และปรึกษาเภสัชกร ที่แอป BeDee ได้ทุกวัน ส่งยาและสินค้าถึงที่ สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS 

 

Content powered by BeDee Expert

พญ. ไอริณ จริยะโยธิน 

แพทย์ อายุรแพทย์

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

  1. Mohapatra, P. R., & Janmeja, A. K. (2009). Tuberculous lymphadenitis. The Journal of the Association of Physicians of India57, 585–590.
  2. Bayazit, Y. A., Bayazit, N., & Namiduru, M. (2004). Mycobacterial cervical lymphadenitis. ORL; journal for oto-rhino-laryngology and its related specialties66(5), 275–280. 
  3. Marimani, M., Ahmad, A., & Duse, A. (2018). The role of epigenetics, bacterial and host factors in progression of Mycobacterium tuberculosis infection. Tuberculosis (Edinburgh, Scotland), 113, 200–214.
บทความที่เกี่ยวข้อง

Key Takeaway วัคซีนไข้หวัดใหญ่ถูกผลิตขึ้นจากเชื้อตาย มีความปลอดภัยสูง  ตัวเชื้อในวัคซีนจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไข้หวัดใหญ่ในร่างกายของผู้ที่รับวัคซีน เมื่อหายจากไข้หวัดใหญ่แล้วยังควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่เนื่องจากภูมิคุ้มกันจะค่อ

Key Highlight   กระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะโดยเฉพาะเชื้ออีโคไล (Escherichia coli) ที่พบบ่อยที่สุด ผู้ป่วยมักรู้สึกปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะไม่สุด ปวดท้องน้อย ปัสสาวะขุ่น  หากมีอาการควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ สารบ