ปัญหา “ผมร่วง” เป็นปัญหาใหญ่ของหลายคนที่แม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด แต่ทำให้สูญเสียความมั่นใจเป็นอย่างมาก ผมร่วงพบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แม้ไม่ได้หวีผม สระผม แค่นั่งอยู่เฉย ๆ บางทีผมก็ขาดร่วงไม่หยุด มาทำความเข้าใจสาเหตุ
ริดสีดวงเกิดจากอะไร? วิธีรักษาและป้องกันริดสีดวง
Key Takeaways
- ริดสีดวงทวารมี 2 ประเภท ได้แก่ ริดสีดวงภายใน และริดสีดวงภายนอก
- วิธีรักษาริดสีดวงหรือบรรเทาริดสีดวงมีทั้งการเหน็บยา ฉีดยา ใช้ยางรัด เลเซอร์ หรือการผ่าตัด
- หากพบว่ามีหัวริดสีดวงหรือสงสัยว่าเป็นริดสีดวงไม่ต้องเขินอาย สามารถปรึกษาคุณหมอที่แอป BeDee แบบเป็นส่วนตัวได้ทุกวัน
ริดสีดวงคืออะไร?
ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid) หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า “ริดสีดวง” คือภาวะที่เส้นเลือดบริเวณทวารหนักหรือช่วงปลายสุดของลำไส้ใหญ่เกิดการบวมและขยายตัว ทำให้เกิดอาการผิดปกติที่พบได้มากที่สุดคือมีเลือดออกโดยเฉพาะเวลาขับถ่าย อาการอื่น ๆ ได้แก่ คลำได้ก้อนบริเวณปากทวารหนัก หรือมีก้อนยื่นออกจากปากทวารหนักเป็น ๆ หาย ๆ มักไม่ได้มีอาการปวดร่วมด้วย นอกจากเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลิ่มเลือดในริดสีดวงแข็งตัว หรือริดสีดวงอักเสบ โรคริดสีดวงทวารนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ
ริดสีดวงภายใน
ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) เกิดขึ้นภายในทวารหนัก อาการที่สังเกตได้คือผู้ป่วยอาจมีเลือดออกเมื่อขับถ่ายหรือถ่ายมีก้อนยื่นขึ้นอยู่กับระยะของโรค ริดสีดวงภายในแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่
- ริดสีดวงระยะแรกเส้นเลือดจะบวมอยู่ภายในทวารหนัก ไม่โผล่ออกมาภายนอก มักมีเลือดออกขณะขับถ่าย ผู้ป่วยมักไม่รู้สึกเจ็บปวด
- ก้อนริดสีดวงโผล่ออกมานอกทวารหนักขณะขับถ่าย แต่จะหดกลับเข้าไปเองหลังขับถ่ายเสร็จ
- ก้อนริดสีดวงยื่นออกมาข้างนอกทวารหนักหลังขับถ่าย และต้องใช้มือดันกลับเข้าไป
- ริดสีดวงบวมมากริดสีดวงโผล่ออกมานอกทวารหนักอย่างถาวร ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ มีโอกาสเกิดการขาดเลือดและมีเนื้อตายเกิดขึ้น ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดริดสีดวงมาก
ริดสีดวงภายนอก
ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids) เกิดขึ้นบริเวณภายนอกที่เรียกว่า Dentate line ลักษณะริดสีดวงภายนอกมักจะสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทอยู่มาก เมื่อมีการจับตัวกันของลิ่มเลือดในเส้นเลือด (Thrombosed External Hemorrhoids) จึงมักทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมากได้โดยเฉพาะในระยะแรก
เจ็บริดสีดวงมากทําไงดี? ไม่ต้องเขินอาย ปรึกษาวิธีรักษาริดสีดวงกับคุณหมอที่แอป BeDee ได้ทุกวัน สะดวก เป็นส่วนตัว ส่งยาถึงที่
ริดสีดวงอาการเป็นอย่างไร?
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วอาการริดสีดวงภายนอกและภายในมีอาการอย่างไร? โดยทั่วไปแล้วอาการริดสีดวงที่มักพบได้ เช่น
- ถ่ายเป็นเลือด มีเลือดออกขณะเบ่งถ่ายหรือหลังขับถ่าย มีเลือดปนในอุจจาระ หรือหยดเลือดหลังจากการขับถ่าย ไม่รู้สึกเจ็บปวด
- เจ็บปวดหรือไม่สบายทวารหนักขณะขับถ่าย
- คัน บวมรอบทวารหนัก
- คลำพบก้อนเนื้อหรือติ่งริดสีดวง รู้สึกว่ารูทวารมีก้อนยื่นเป็นติ่งต้องดันกลับเข้าไป
ริดสีดวงเกิดจากอะไร?
สาเหตุของการเกิดริดสีดวงทวารยังไม่ทราบแน่ชัดในปัจจุบัน ในอดีตเคยมีความเชื่อว่าเกิดจากเส้นเลือดขอดในบริเวณทวารหนัก ซึ่งพิสูจน์แล้วในปัจจุบันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน สาเหตุหลักคาดว่าเกิดจากการที่ชั้นเนื้อเยื่อในรูทวารหนักที่เรียกว่า Anal Cushion มีการเสื่อมสภาพแล้วหย่อนตัว เกิดเส้นเลือดดำโป่งพอง นอกจากนี้ยังพบการอักเสบของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ร่วมกับการเกิดแผลบริเวรเยื่อบุ มีการขาดเลือด และลิ่มเลือดอุดตันอีกด้วย โดยทั่วไปแล้วมีหลายปัจจัยด้วยกันที่ส่งผลให้เกิดริดสีดวงทวาร ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริดสีดวง ได้แก่
- การเบ่งขับถ่าย การเบ่งอุจจาระอย่างแรงเป็นเวลานานเนื่องจากกรณี เช่น ท้องผูก ทำให้ความดันในเส้นเลือดบริเวณทวารหนักเพิ่มขึ้น เกิดการระคายเคืองบริเวณทวารหนัก
- การนั่งเป็นเวลานานโดยเฉพาะในห้องน้ำ เพิ่มแรงกดดันในเส้นเลือดบริเวณทวารหนัก
- การตั้งครรภ์ เมื่อมดลูกขยายตัว จะทำให้หลอดเลือดในบริเวณลำไส้และทวารหนักถูกกดทับ ทำให้เกิดริดสีดวงได้ง่าย
- โรคอ้วน ทำให้มีความดันในช่องท้องสูง
- กรรมพันธุ์ หากมีประวัติครอบครัวที่เป็นริดสีดวง ความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้อาจสูงขึ้น
- การรับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำ ทำให้อุจจาระแข็งและขับถ่ายยาก เพิ่มโอกาสในการเกิดริดสีดวง
ริดสีดวงมีวิธีการวินิจฉัยอย่างไร?
การวินิจฉัยริดสีดวงทวารเบื้องต้นแพทย์จะสอบถามอาการและเบื้องต้น เช่น อาการเจ็บ ปวด มีก้อนยื่นหรือมีเลือดออกขณะถ่ายอุจจาระ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดริดสีดวง เช่น การเบ่งอุจจาระบ่อย ๆ ท้องผูก หรือมีประวัติครอบครัวเป็นริดสีดวง จากนั้นแพทย์จะตรวจดูบริเวณทวารหนักเพื่อตรวจสอบว่ามีริดสีดวงทวารภายนอกหรือไม่ และอาจทำการตรวจเพิ่มเติมโดยการใส่เครื่องมือเพื่อตรวจริดสีดวงภายในเช่นกัน รวมถึงควรตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ของการมีเลือดออกทางทวารหนัก เนื่องจากยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่สามารถทำให้มีอาการเลือดออกได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคกระเปาะลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบ เป็นต้น
วิธีการรักษาริดสีดวงทำอย่างไร?
ปัจจุบันวิธีการรักษาริดสีดวงทวารนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน แบ่งเป็นวิธีรักษาที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัดและวิธีผ่าตัด โดยมีรายละเอียดดังนี้
การรักษาริดสีดวงทวารโดยไม่ใช้การผ่าตัด
- การรักษาทั่วไป ได้แก่ เปลี่ยนการรับประทานอาหาร โดยเพิ่มอาหารที่มีกากใย ดื่มน้ำเยอะเพื่อให้อุจจาระนิ่มลง สามารถทานยาระบายร่วมด้วย หากมีอาการท้องผูกเรื้อรัง ทั้งนี้การใช้ยาระบายต้องจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น
- การฉีดยา โดยฉีดเข้าในชั้นใต้เยื่อบุ (Submucosa) เพื่อทำให้เกิดพังผืด หลอดเลือดริดสีดวงหดตัวและลดอาการบวม
- การรัดยาง วิธีนี้ใช้รักษาริดสีดวงภายใน โดยแพทย์จะใช้ยางรัดบริเวณฐานของริดสีดวง ทำให้เนื้อตายและหลุดออกเองในภายหลัง
- การจี้ริดสีดวงทวารด้วยอินฟราเรดหรือจี้ไฟฟ้า เพื่อให้ริดสีดวงยุบ หยุดเลือดออก
การรักษาริดสีดวงทวารโดยการผ่าตัด
- กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการริดสีดวงรุนแรง เช่น ระดับ 3-4 เป็นต้นไป มีขนาดใหญ่ และไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ หรือหากมีอาการริดสีดวงอักเสบ (Strangulated Hemorrhoid) แพทย์อาจรักษาริดสีดวงด้วยการผ่าตัด
วิธีป้องกันริดสีดวงทวาร
การป้องกันริดสีดวงทวารสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดริดสีดวงโดยมีวิธีดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี จะทำให้อุจจาระไม่แข็ง
- ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้อุจจาระนิ่มลง ง่ายต่อการขับถ่าย
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อุจจาระแข็ง เช่น อาหารแปรรูป อาหารไขมันสูง และอาหารรสเผ็ดจัด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ลดอาการท้องผูก
- หลีกเลี่ยงการเบ่งขณะถ่ายอุจจาระ เนื่องจากการเบ่งจะเพิ่มแรงดันในหลอดเลือดบริเวณทวารหนักและทำให้เกิดริดสีดวง
- ไม่นั่งทำกิจกรรมอื่น ๆ ในห้องน้ำเป็นเวลานานขณะทำธุระ เช่น อ่านหนังสือหรือใช้โทรศัพท์มือถือในห้องน้ำ
- ขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่กลั้นอุจจาระ เมื่อรู้สึกอยากถ่าย ควรไปเข้าห้องน้ำทันที
- หลีกเลี่ยงการนั่งหรือยืนนานเกินไป
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
เมื่อเป็นริดสีดวงควรดูแลตัวเองอย่างไร?
นอกจากการรักษาริดสีดวงทวารกับแพทย์แล้ว ผู้ป่วยยังควรดูแลตัวเองในช่วงที่มีอาการดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช เพื่อช่วยให้อุจจาระนิ่ม
- การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอเพื่อป้องกันอาการท้องผูก
- ใช้ยาระบายเพื่อลดการเบ่งขณะขับถ่าย ทั้งนี้การใช้ยาระบายต้องจ่ายโดยแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น
- แช่น้ำอุ่นเพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบของริดสีดวง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับริดสีดวง
1. ริดสีดวงรักษาหายไหม?
ริดสีดวงทวารสามารถรักษาให้หายได้ ผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ ไม่ควรปล่อยให้อาการริดสีดวงรุนแรงเพราะจะทำให้ยากต่อการรักษามากขึ้น โรคริดสีดวงทวารนั้นมีส่วนเกิดขึ้นจากพฤติกรรมของผู้ป่วย ดังนั้นผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อไม่ให้เป็นริดสีดวงซ้ำ
2. ริดสีดวงยุบเองได้ไหม?
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการริดสีดวงที่ไม่รุนแรงมากและเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจทำให้อาการริดสีดวงทุเลาลงได้ อย่างไรก็ตามหากมีอาการริดสีดวงแนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสม
3. เป็นริดสีดวงมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม?
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีอาการริดสีดวงนั้นอาจทำให้แผลริดสีดวงเกิดการเจ็บ ปวด ระบมหรือติดเชื้อได้ แนะนำให้ผู้ป่วยรักษาอาการริดสีดวงอย่างเหมาะสมกับแพทย์และหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการจะดีขึ้น
เป็นริดสีดวงไม่ต้องเขินอาย ปรึกษาคุณหมอที่ BeDee ได้ทุกวัน เป็นส่วนตัว
โรคริดสีดวงเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย สิ่งสำคัญเมื่อเป็นริดสีดวงคือควรรีบปรึกษาแพทย์ พร้อมกับปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหารและการขับถ่าย
ปรึกษาหมอออนไลน์ นักกำหนดอาหาร พยาบาล และปรึกษาเภสัชกรแบบไม่มีค่าใช้จ่ายบนแอป BeDee ได้ทุกวัน ส่งยาและสินค้าถึงที่ สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS
Content powered by BeDee Expert
พญ.ภาวิตา คงธนาสมบูรณ์
แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป
เรียบเรียงโดย
กรวรรณ ใจซื่อกุล
Akinmoladun, O., & Oh, W. (2024). Management of Hemorrhoids and Anal Fissures. The Surgical clinics of North America, 104(3), 473–490.
Kwaan M.R., & Stewart Sr D.B., & Dunn K (2019). Colon, rectum, and anus. Brunicardi F, & Andersen D.K., & Billiar T.R., & Dunn D.L., & Kao L.S., & Hunter J.G., & Matthews J.B., & Pollock R.E.(Eds.), Schwartz’s Principles of Surgery, 11e. McGraw-Hill Education.
Lohsiriwat, V. (2012). Hemorrhoids: from basic pathophysiology to clinical management. World journal of gastroenterology, 18(17), 2009–2017. https://doi-org.cuml1.md.chula.ac.th/10.3748/wjg.v18.i17.2009