แบบประเมินความเสี่ยงโรคไต

Key Takeaways

  • แบบประเมินความเสี่ยงโรคไตเป็นเครื่องมือที่ช่วยประเมินความเสี่ยงต่อเบื้องต้นต่อการเกิดโรคไตในอีก 10 ปี
  • ผู้ที่ชอบทานรสเค็มจัด หรือมีประวัติทานยาเป็นเวลานานควรทำแบบประเมินความเสี่ยงโรคไต
  • การทำแบบประเมินจะช่วยให้เราป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตตั้งแต่เนิ่น ๆ
สารบัญบทความ

แบบประเมินความเสี่ยงโรคไตใน 10 ปีข้างหน้า ป้องกันความเสี่ยงด้วยการคัดกรองเบื้องต้น

โรคไต (Kidney Disease) คือ ภาวะที่การทำงานของไตเกิดความผิดปกติทำให้ไม่สามารถกรองของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากเลือดได้อย่างเต็มที่ 

ความอันตรายของโรคไต มีดังนี้ 

  • การสะสมของเสียในร่างกาย: เมื่อไตไม่สามารถกรองของเสียออกจากเลือดได้ ของเสียจะสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • ปัญหาความดันโลหิต: โรคไตสามารถทำให้ความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ภาวะบวม: เมื่อไตไม่สามารถกรองน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายได้ น้ำจะสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดอาการบวมที่ขาและเท้า
  • สมดุลของเกลือและแร่ธาตุผิดปกติ: ไตที่ทำงานไม่ปกติสามารถทำให้ระดับเกลือและแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียมและแคลเซียมในร่างกายผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหากับหัวใจและกระดูก
  • ภาวะเลือดจาง: เมื่อไตทำงานผิดปกติทำให้ไม่สามารถผลิตฮอร์โมน Erythropoietin ซึ่งช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดภาวะเลือดจาง
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด: ผู้ป่วยโรคไตมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด

 

การประเมินโรคไตด้วยแบบประเมินเบื้องต้นจะช่วยให้เราทราบถึงความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการดูแลตัวเองให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

 

ปรึกษาเรื่องโรคไตกับคุณหมอที่แอป BeDee สะดวก ไม่มีค่าจัดส่งยา

แบบประเมิน โรคไต

แบบประเมินความเสี่ยงโรคไต ใน 10 ปีข้างหน้า (Thai CKD Risk Score) 

Disclaimer: แบบประเมินความเสี่ยงโรคไตใน 10 ปีข้างหน้า หรือ Thai CKD Risk Score เป็นแบบประเมินความเสี่ยงเพื่อทำนายโอกาสการเกิดโรคไตในอีกระยะ 10 ข้างหน้า ไม่สามารถใช้เป็นเครื่องยืนยันในการเกิดโรคได้ ผู้ทำแบบทดสอบควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกายอีกครั้ง

โปรดเลือกคำตอบที่ตรงกับท่านที่สุดในแต่ละข้อพร้อมให้คะแนน เมื่อทำครบทุกข้อแล้วให้รวมคะแนนและดูการแปรผลความเสี่ยงในตารางถัดไป

ปัจจัยเสี่ยง
คะแนนความเสี่ยง
อายุ
Add New
• น้อยกว่า 45
0
• 45-54 ปี
2
• มากกว่า 55 ปี
4
เพศ
Add New
• หญิง
0
• ชาย
3
รอบเอว
Add New
• ผู้หญิง น้อยกว่า 80 เซนติเมตร
0
• ผู้ชาย น้อยกว่า 90 เซนติเมตร
0
• ผู้หญิง มากว่า 80 เซนติเมตร
1
• ผู้ชาย มากกว่า 90 เซนติเมตร
1
ประวัติการป่วยโรคเบาหวาน
Add New
• มี
0
• ไม่มี
2
ระดับความดันโลหิต
Add New
• น้อยกว่า 120 มิลลิเมตรปรอท
-2
• 120-129 มิลลิเมตรปรอท
0
• 130-139 มิลลิเมตรปรอท
1
• 140-149 มิลลิเมตรปรอท
2
• 150-159 มิลลิเมตรปรอท
3
• เท่ากับหรือมากกว่า 160 มิลลิเมตรปรอท
4

ที่มา : คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 

https://www.rama.mahidol.ac.th/kidney_disease_risk/Thai_CKD_risk_score/

แปลผลระดับคะแนนความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตใน 10 ปีข้างหน้า

การประเมินโรคไต
ผลรวมคะแนนความเสี่ยง
ระดับความเสี่ยง
-2 ถึง 2
ระดับน้อย (มีความเสี่ยงน้อยกว่า 5%)
3 ถึง 6
ระดับปานกลาง (มีความเสี่ยง 5-10%)
7 ถึง 9
ระดับสูง (มีความเสี่ยง 10-20%)
10 ขึ้นไป
ระดับสูงมาก (มีความเสี่ยง 20% ขึ้นไป)

คำแนะนำสำหรับผู้มีความเสี่ยงต่อโรคไตจากแบบประเมินความเสี่ยงโรคไตใน 10 ปีข้างหน้า

แบบประเมินผู้ป่วยโรคไต
ระดับความเสี่ยง
คำแนะนำ
1. ระดับน้อย
ควรหมั่นดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดื่มน้ำและนอนหลับให้เพียงพอ ลดหรือจำกัดการรับประทานหวาน มัน เค็ม ไม่รับประทานเกินความต้องการของร่างกาย รักษาระดับความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติหรือ เหมาะสม และไปตรวจสุขภาพประจำทุกปี
2. ระดับปานกลาง
ควรหมั่นดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำและนอนหลับให้เพียงพอ ลดหรือจำกัดการรับประทานหวาน มัน เค็ม ไม่รับประทานเกินความต้องการของร่างกายรักษาระดับความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติหรือ เหมาะสม และไปตรวจสุขภาพประจำทุกปี
3. ระดับสูง
ต้องใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้น หาความรู้ด้านสุขภาพ ปรับลดพฤติกรรมเสี่ยง หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจะเป็นโรคไต รักษาระดับความดันโลหิตและระดับน้ำตาลใน เลือดให้อยู่ในระดับปกติหรือเหมาะสม และไปตรวจสุขภาพประจำทุกปี
4. ระดับสูงมาก
ควรปรึกษาแพทย์ ปรับลดพฤติกรรมเสี่ยง หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจะเป็นโรคไต รักษาระดับความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติหรือเหมาะสม และไปตรวจสุขภาพประจำทุกปี

แบบประเมินความเสี่ยงโรคไต มีความสำคัญอย่างไรบ้าง ทำไมถึงควรทำ

แบบประเมินความเสี่ยงโรคไตมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบและทราบถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคไตตั้งแต่แรก ๆ ซึ่งมีประโยชน์และความสำคัญของแบบประเมินโรคไตมีดังนี้

  1. การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรก: การประเมินความเสี่ยงช่วยให้ตรวจพบโรคไตตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งทำให้สามารถเริ่มการรักษาได้ทันเวลาและลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน

  2. การป้องกันและลดความเสี่ยง: เมื่อทราบถึงความเสี่ยงแล้วจะช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เช่น การควบคุมความดันโลหิต การลดการบริโภคเกลือ และการดูแลน้ำหนักตัว เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไตได้ดีขึ้น

  3. การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม: การทำแบบประเมินความเสี่ยงโรคไตช่วยให้ทราบถึงวิธีการดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีขึ้น เช่น การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไต

  4. การติดตามและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ: เมื่อทราบแล้วว่าเรามีความเสี่ยงก็จะช่วยให้เกิดการตรวจสุขภาพเป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามสถานะของไตและตรวจหาอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น

ใครที่ควรทำแบบประเมินความเสี่ยงโรคไต

ผู้ที่ควรทำแบบประเมินความเสี่ยงโรคไต ได้แก่กลุ่มบุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตดังนี้

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
  • ผู้ที่สูบบุหรี่
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
  • ผู้ที่มีประวัติการทานยาเป็นเวลานาน เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs 
  • ผู้ที่มีโรคหัวใจหรือหลอดเลือด

สรุปแบบประเมินความเสี่ยงโรคไต

โรคไตเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดภาวะอันตรายต่อร่างกายอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น บวมน้ำ น้ำท่วมปอด ความดันโลหิตสูง ภาวะเลือดจาง

ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เป็นส่วนตัวสูง พร้อมจัดส่งสินค้าถึงมือ เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS

 

Content powered by BeDee Expert

พญ.กนกวรรณ อนุศักดิ์
แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัว

 

เรียบเรียงโดย

กรวรรณ ใจซื่อกุล

Thai CKD risk score. (n.d.). https://www.rama.mahidol.ac.th/kidney_disease_risk/Thai_CKD_risk_score/#regat3

 

Thai CKD risk score. (n.d.-b). https://www.rama.mahidol.ac.th/kidney_disease_risk/Thai_CKD_risk_score/

https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1308820220905025852.pdf

บทความที่เกี่ยวข้อง

Key Takeaways   EAP คือโปรแกรมช่วยเหลือและดูแลพนักงานทางด้านจิตใจ ให้คำปรึกษาในด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์และนักจิตวิทยาคลินิก EAP คือโปรแกรมที่จะช่วยสร้างการรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองให้กับพนักงาน ช่วยปรับวิธีการรับมือกับปัญหาอย่างเหมา

Key Takeaway การอดมื้อเย็นนั้นอาจทำให้ร่างกายเกิด “โยโย่เอฟเฟ็ก” เมื่อกลับมาทานมื้อเย็นแบบปกติอีกครั้ง การลดน้ำหนักที่เหมาะสมควรเลือกทานมากกว่าการอดอาหาร อาหารเย็นไม่อ้วนมีหลายเมนู ควรเลือกวัตถุดิบที่ไม่มีไขมัน เน้นโปรตีน สารบัญบทความ การรับประทานอาห