เสี่ยง สงสัย โรคซึมเศร้า, โรคเครียด, โรควิตกกังวล, นอนไม่หลับ, หยุดคิดไม่ได้ หรือมีปัญหาสุขภาพใจอื่น ๆ ห้ามปล่อยไว้ ! ปัจจุบันสังคมหันมาให้ความสำคัญกับการปรึกษาจิตแพทย์มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็สะท้อนได้ว่ามีผู้ป่วยทางด้านจิตใจ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เ
นอนเยอะเกินไปแต่ยังง่วง อาจเสี่ยงอันตราย เช็กอาการและวิธีการรับมือ
เสาร์อาทิตย์ทีไรก็อยากจะนอนยาว ๆ ทั้งวัน ไม่อยากลุกขึ้นมาทำอะไรแล้ว รู้สึกว่านอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ นอนเยอะแต่ยังง่วง รู้หรือไม่ว่าคุณอาจกำลังเป็น “โรคนอนเยอะเกินไป” แม้เราจะคิดว่าการนอนหลับนั้นเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เมื่อไหร่ที่เจอเรื่องเครียด เหนื่อยล้า แค่นอนหลับก็พอแล้ว แต่พฤติกรรมการนอนแบบนี้อาจไม่ปกติ ทำให้เสี่ยงโรคซึมเศร้า และนำไปสู่โรคร้ายแรงอื่น ๆ ได้
รู้จักอาการนอนเยอะเกินไปที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ภาวะนอนเยอะเกินไป (Hypersomnia) คือภาวะที่ผู้ป่วยรู้สึกอยากนอนมากขึ้นทั้งในตอนกลางคืนและกลางวัน รู้สึกไม่อยากตื่นนอน เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าต้องการนอนต่ออีก นอนไม่เพียงพอ ในตอนกลางวันก็อยากนอน อยากงีบหลับ การนอนเยอะเกินไปลักษณะนี้อาจไม่ใช่เรื่องปกติแต่กลายเป็นโรคนอนหลับเยอะเกินไปได้
นอกจากนี้โรคนอนเยอะเกินไปยังนำไปสู่โรคอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้า หรือ โรคซึมเศร้าเรื้อรัง
สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังนอนเยอะเกินไป
- ตื่นนอนแล้วยังรู้สึกง่วง เพลีย ไม่สดชื่น
- ต้องการนอนหลับมากขึ้นทั้งในช่วงกลางคืนและกลางวัน
- การจดจำ สมาธิแย่ลง
- ระหว่างวันรู้สึกเพลีย ไม่สดชื่น อยากงีบ
- เฉื่อยชา
- ไม่มีแรง
- อามรมณ์หงุดหงิด
- อยากหลับแม้ในตอนขับรถ ทานข้าว
มีอาการนอนเยอะเกินไป ตื่นนอนแล้วไม่สดชื่น รีบปรึกษาจิตแพทย์ ที่แอป BeDee สะดวก เป็นส่วนตัว ไม่ต้องลางาน
นอนเยอะเกินไป เกิดจากอะไร
อาการนอนเยอะเกินไปอาจไม่ปกติควรหมั่นสังเกตตัวเอง ภาวะนอนเยอะเกินไป สาเหตุอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
อดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ
เมื่อร่างกายเกิดการอดนอนมาเป็นเวลานาน พักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดอาการนอนเยอะเกินไป
เปลี่ยนแปลงเวลาเข้านอนบ่อย
คนที่เปลี่ยนแปลงเวลาเข้านอนบ่อยหรือต้องเดินทาง เปลี่ยนแปลงไทม์โซนอาจทำให้นาฬิกาชีวภาพแปรปรวนจนทำให้เกิดอาการนอนเยอะเกินไป
โรคทางจิตเวช
ผู้ที่นอนเยอะเกินไปอาจเกิดจากอาการทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ไบโพล่า เป็นต้น
โรคไทรอยด์
การทำงานผิดปกติของต่อมไทรอยด์สามารถทำให้เกิดอาการนอนมากเกินไป
นอนกรน
การนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับอาจทำให้นอนหลับได้ไม่เต็มอิ่ม ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ รู้สึกนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ
การใช้ยาที่ทำให้ง่วงซึม
การใช้ยาหรือสารที่มีผลกระทบต่อการหลับสามารถทำให้เกิดอาการนอนเยอะเกินไปได้
สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
การนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ห้องนอนมีแสงสว่างมากเกินไป เสียงดัง อุณหภูมิห้องที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผักไม่เพียงพอหรือนอนไม่ได้คุณภาพในช่วงกลางคืนจึงทำให้ต้องงีบหลับบ่อยครั้งในตอนกลางวันซึ่งนำมาสู่โรคนอนเยอะเกินไป
การตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์ในช่วงแรกของผู้หญิงอาจทำให้ในบางรายมีอาการนอนเยอะผิดปกติได้
นอนเยอะเกินไปมีผลเสียอย่างไร
การนอนพักผ่อนอาจให้ประโยชน์ต่อร่างกายแต่เมื่อไหร่ที่เรานอนเยอะเกินไป ผลเสียนั้นอาจตามมามากกว่าที่คิด เช่น
- โรคอ้วน
เมื่อเรานอนเยอะเกินไปจะทำให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายลดลง ร่างกายเกิดการสะสมไขมันมากขึ้นจึงทำให้เกิดโรคอ้วนได้
- เสี่ยงโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
เนื่องจากการนอนเยอะเกินไปทำให้ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว ขาดการออกกำลังกายอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงเหล่านี้ได้
- สมองล้า เฉื่อยชา
นอนเยอะเกินไปอาจทำให้รู้สึกง่วง ไม่มีความกระปรี้กระเปร่า และมีผลต่อความจำและการวิเคราะห์ข้อมูลได้
- เสี่ยงโรคซึมเศร้า
นอนเยอะเกินไปซึมเศร้าอาจจะถามหาเราได้ เนื่องจากร่างกายขาดการเคลื่อนไหว ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรงจะทำกิจกรรมอื่น ๆ การนอนมากเกินไปมีผลกระทบทั้งทางกายและทางจิตใจ คนที่มีภาวะนอนหลับเยอะเกินไปอาจมีอารมณ์เศร้า หดหู่ ไม่มีความสุข
รู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนเยอะเกินไปลองหันมาคุยกับนักจิตวิทยากับจิตแพทย์ เพราะการนอนของคุณอาจกำลังเป็นปัญหาได้
นอนเยอะเกินไปเกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้าอย่างไร
การนอนเยอะเกินไปไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะในด้านร่างกายเท่านั้นแต่ยังส่งผลถึงด้านจิตใจด้วย การนอนมากเกินไปผลต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะโรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder) เนื่องจากการนอนเยอะเกินไปมีผลต่อระดับสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) และ เมลาโทนิน(Melatonin) ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมอารมณ์และการนอนหลับ
นอกจากนี้ข้อเสียของการนอนเยอะยังส่งผลต่อการทำงานของระบบฮอร์โมน ทำฮอร์โมนที่ควบคุมด้านอารมณ์ จิตใจทำงานบกพร่อง ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้
นอนเยอะเกินไปมีวิธีแก้อย่างไร
- ฝึกการตื่นและเข้านอนเป็นเวลา
ถ้านอนเยอะเกินไปลองพยายามเข้านอนและตื่นให้เป็นเวลา โดยเริ่มจากการกำหนดเวลาตื่นตอนเช้าและตื่นให้ตรงเวลา ไม่ว่าวันที่เริ่มปรับเวลานอนจะนอนดึกแค่ไหนก็ไม่ควรทดเวลาตื่นสาย พยายามไม่นอนตอนกลางวันเพราะจะส่งผลต่อการนอนในตอนกลางคืนได้
- จัดระเบียบห้องนอนให้เหมาะสมกับการนอน
สาเหตุหนึ่งของการนอนเยอะเกินไปและทำให้พักผ่อนไม่เพียงพออาจเกิดจากสภาพห้องนอน ห้องนอนที่ดีไม่ควรมีแสงเข้ามารบกวนการนอนหลับในตอนกลางคืน และในตอนกลางวันควรได้สัมผัสกับแสงแดดอย่างพอเหมาะเพื่อช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายสามารถช่วยภาวะนอนเยอะได้เช่นกัน การออกกำลังกายจะช่วยส่งเสริมสุขอนามัยการนอนที่ดี (Sleep Hygiene) โดยช่วงเวลาในการออกกำลังกายที่ช่วยในเรื่องการนอนหลับคือ 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน แต่ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอนเพราะจะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานมากเกินไปจนทำให้ร่างกายตื่นตัว
- ดื่มนมอุ่น หรือรับประทานกล้วยหอมก่อนนอน
หากอยากนอนหลับให้ได้คุณภาพเพื่อลดปัญหานอนเยอะเกินไป วิธีแก้อย่างหนึ่งคือการดื่มนมอุ่น ๆ หรือรับประทานกล้วยหอม เนื่องจากกล้วยและนมจะมีกรดอะมิโนทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสารเซโรโทนิน (Serotonin) ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความเครียด ความวิตกกังวล ทำให้ง่วงและนอนหลับได้ง่ายขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากในบุหรี่จะมีสารนิโคติน (Nicotine) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นประสาท ทำให้หลับยาก และเมื่อสารนิโคตินในร่างกายลดลงก็จะทำให้ตื่นง่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สูบบุหรี่โดยตรง (Active Smoker) หรือผู้ที่มักจะได้กลิ่นควันบุหรี่จากผู้อื่นอยู่บ่อย ๆ (Passive Smoker) ก็จะทำให้ได้รับสารนิโคตินซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท อาจทำให้นอนไม่หลับในช่วงกลางคืน แต่ส่งผลให้ง่วงนอนในตอนกลางวันและนำมาสู่ปัญหานอนเยอะเกินไปได้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อหนัก หรือรสจัดก่อนนอน
การรับประทานอาหารมื้อหนักก่อนนอนนั้นส่งผลให้ร่างกายต้องทำงานหนักในการย่อย ซึ่งใช้เวลาถึง 2-3 ชั่วโมง นอกจากจะทำให้นอนหลับยากแล้ว ยังอาจส่งผลให้เป็นกรดไหลย้อน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน
ในช่วง 4-6 ชั่วโมงก่อนนอน หรือถ้าจะให้ดีคือ 10 ชั่วโมงก่อนนอน ควรที่จะงดเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา โกโก้ น้ำอัดลม ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง เนื่องจากคาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท อาจทำให้นอนไม่หลับในช่วงกลางคืน แต่ส่งผลให้ง่วงนอนในตอนกลางวัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ นอนเยอะเกินไป
1. นอนเยอะเกินไปคือกี่ชั่วโมง?
สำหรับระยะเวลาที่ควรนอนหลับนั้นจะแตกต่างกันไปตามละช่วงวัยกล่าวคือ
- เด็ก 6-12 ปี ควรนอน 9 -12 ชั่วโมง/ วัน
- วัยรุ่น 13-18 ปี ควรนอน 8 -10 ชั่วโมง/ วัน
- วัยทำงาน ควรนอน 7 -9 ชั่วโมง/ วัน
หากพบว่ามีการนอนหลับเยอะเกินไปจนผิดปกติรวมถึงมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อยากงีบหลับตลอดเวลา ตื่นนอนไม่สดชื่น อารมณ์ฉุนเฉียว ควรรีบปรึกษาแพทย์
2. นอนเยอะเกินไปมีโอกาสเสียชีวิตไหม?
การนอนเยอะเกินไปอาจไม่ได้ทำให้เสียชีวิตในทันที แต่ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพระยะยาวที่อาจนำมาสู่สาเหตุการเสียชีวิตได้ เช่น เสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต เป็นต้น
สรุปนอนเยอะเกินไปไม่ใช่เรื่องปกติ รีบปรึกษาแพทย์
การนอนมีความสำคัญต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ การนอนไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากการใช้พลังงานในระหว่างวันเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย และสนับสนุนกระบวนการเจริญเติบโตทางร่างกายและสมอง นอนเยอะเกินไปหรือนอนไม่เพียงพอสามารถมีผลกระทบที่เสียหายต่อสุขภาพได้
ปรึกษาหมอออนไลน์ พยาบาล หรือปรึกษาเภสัชกรที่แอป BeDee ได้ทุกวัน เรามีจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก และเภสัชกรพร้อมให้คำปรึกษาและจัดส่งสินค้าถึงมือ เลือกปรึกษาตามเวลาที่คุณสะดวก เป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องเดินทาง สอบถามเพิ่มเติม Line Official : @BeDeebyBDMS
Content powered by BeDee Expert
ผศ.นพ.โชติมันต์ ชินวรารักษ์
จิตแพทย์
เรียบเรียงโดย
กรวรรณ ใจซื่อกุล
Sleep Foundation. (2024, January 16). Hypersomnia. https://www.sleepfoundation.org/hypersomnia
Sleep and hypersomnia. (2005, April 25). WebMD. https://www.webmd.com/sleep-disorders/hypersomnia
Idiopathic hypersomnia. (2017, September 12). Stanford Health Care. https://stanfordhealthcare.org/medical-conditions/sleep/idiopathic-hypersomnia.html